Page 33 - สิทธิมนุษยชน : รวมบทความ ศ.เสน่ห์ จามริก
P. 33
สิทธิมนุษยชน รวมบทความ ศ.เสน่ห์ จามริก
๒๕๔๕ ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งคนทั่วไป
มักขานเรียกกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” คล้ายกับคำขวัญ “อำนาจของประชาชน”
ในช่วงการฮือต่อต้านมาร์คอสที่ประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงคริสต์ทศวรรษ ๑๙๘๐
กสม.จึงยังอยู่ในช่วงก่อรูปก่อร่าง นอกเหนือจากภารกิจและอำนาจหน้าที่ตามที่ตราไว้
๕
ในพระราชบัญญัติแล้ว คณะกรรมการฯ ยังต้องพัฒนาแผนยุทธศาสตร์และแนวทาง
การปฏิบัติงาน ทั้งนี้ก็เพื่อนำเอาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และสภาพการณ์ต่าง ๆ
รวมทั้งสถานะแห่งองค์ความรู้และสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนตลอดจนประเด็น
เกี่ยวกับแนวทางในการจัดองค์กรทั้งภายในและในส่วนที่สัมพันธ์กับสังคมโดยรวม
และอื่น ๆ มาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย ถึงตรงนี้ ควรกล่าวโดยย่อถึงภูมิหลัง
อันเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนและ กสม. เป็นจุดเริ่มต้น
เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว ภูมิหลังที่ว่านี้นับเป็นผลบั้นปลายของการเปลี่ยนแปลง
ทางเศรษฐกิจสังคมอย่างต่อเนื่อง นับแต่ช่วงที่ประเทศไทยภายใต้ระบอบเผด็จการ
๕
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
“คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑) ตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
หรืออันไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี
และเสนอมาตรการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่กระทำหรือละเลยการกระทำ
ดังกล่าวเพื่อการดำเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอ ให้รายงานต่อรัฐสภา
เพื่อดำเนินการต่อไป
(๒) เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ต่อรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี
เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
(๓) ส่งเสริมการศึกษา วิจัย และการเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน
(๔) ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างหน่วยราชการ องค์การเอกชน และองค์การอื่น
ในด้านสิทธิมนุษยชน
(๕) จัดทำรายงานประจำปีเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ และนำเสนอต่อรัฐสภา
(๖) อำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
“ในการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ
และประชาชน ประกอบด้วย
“คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลหรือ
เรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ รวมทั้งมีอำนาจอื่นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ”
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ๒๙