Page 31 - สิทธิมนุษยชน : รวมบทความ ศ.เสน่ห์ จามริก
P. 31
สิทธิมนุษยชน รวมบทความ ศ.เสน่ห์ จามริก
ประชาธิปไตยเป็นพลังผลักดัน ที่กล่าวมานี้ย่อมเป็นกระบวนการสืบเนื่องไม่จบสิ้น ๒
ดังที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติก็ได้ตราปฏิญญาสหัสวรรษ
๒๐๐๐ ขึ้น โดยสรุปรวมสภาพปัญหาของมนุษย์ในหลากหลายแง่มุมสำหรับเป็นฐาน
คิดร่วมกันระดับโลก นับเป็นการขยายขอบข่ายและมุมมองในการส่งเสริมคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนออกไปอีก โดยรวมประเด็นด้านการพัฒนา ความยากจน และสิ่งแวดล้อม
เข้าไว้ด้วย
และในประการสุดท้าย ไม่มีความจำเป็นอย่างใดเลยที่ความเป็นสากล
หรือลักษณะทั่วไป จะต้องขัดแย้งปีนเกลียวกับลักษณะเฉพาะหรือความหลากหลาย
ซึ่งแฝงอยู่ในการนำเสนอแลกเปลี่ยนด้านสิทธิมนุษยชน อันที่จริง เราจะเปลี่ยนกัน
ได้อย่างมีความหมาย ก็ต่อเมื่อมีจิตใจที่พร้อมเรียนรู้จากกันบนหลักศักดิ์ศรีแห่งความ
เป็นมนุษย์และเสรีภาพพื้นฐาน ทั้งนี้ในขั้นเริ่มต้น เราควรเลิกตั้งแง่หรือโต้แย้ง
กันเสียทีในข้อที่ว่า สิทธิมนุษยชนเป็นสารัตถะนิยมที่ตั้งอยู่บนวัฒนธรรมแบบใด
แบบหนึ่ง หรือว่าสิทธิมนุษยชนนั้นสัมพัทธ์แปรเปลี่ยนตามวัฒนธรรมต่าง ๆ จุดยืน
แบบสารัตถะทางวัฒนธรรมนั้นต้องผูกขาดคำจำกัดความของสิทธิมนุษยชน
ส่วนจุดยืนแบบสัมพัทธภาพทางวัฒนธรรมนั้นต้องการปฏิเสธความเป็นสากล
ของความมุ่งหวังในเสรีภาพของมนุษย์ ที่ผ่านมา จุดยืนทั้งสองนี้ได้แต่หมกมุ่น
อยู่กับข้อโต้เถียงไร้แก่นสารที่ต่างก็ว่ากันไป และรังแต่ฉุดรั้งไม่ให้เราได้ไปถึงไหน
ซ้ำร้ายกว่านั้นก็คือมันยังก่อให้เกิดการเมืองของสิทธิมนุษยชนชนิดถอยหลังเข้าคลอง
สร้างความเสียหายไปทั่วโลก ทั้งในซีกตะวันออกและตะวันตก ทั้งในแถบเหนือและใต้
สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านหนึ่งได้แก่การบั่นทอน
บิดเบือนอุดมคติเกี่ยวกับเสรีภาพของปัจเจกชนและสิทธิในทรัพย์สิน กับอีกด้านหนึ่ง
๒
ดังที่ ฌาคส์ มาริแตง (Jacques Maritain) ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า: ไม่มีปฏิญญาสิทธิมนุษยชนใดที่จะครอบคลุม
จบสิ้นมันจะต้องแปรเปลี่ยนโดยสอดคล้องกับสภาพจิตสำนึกทางศีลธรรมและอารยธรรมในแต่ละช่วง
ขณะของประวัติศาสตร์ อ้างใน Joseph A Camilleri, “Human Rights, Cultural diversity and Conflict
Resolution: The Asia Pacific Context”, Pacific Review, Vol. ๖, No.๒, ๑๙๙๔, p.๒๐.
สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ๒๗