Page 19 - สถานการณ์การละเมิดสิทธิแรงงานและบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงานในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
P. 19
(๙) ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองแรงงานและระบบแรงงานสัมพันธ์
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตอบสนองต่อสิทธิเสรีภาพในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองร่วม โดย
ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งกลไกหรือสถาบันเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งในระดับจังหวัด ลดขั้นตอน
ทางกฎหมายที่ซับซ้อนและยุ่งยาก แก้ไขปัญหาโดยไม่ยึดติดหรือรอมาตรการทางกฎหมายเพียง
อย่างเดียว พัฒนาแนวทางการไกล่เกลี่ยให้อยู่บนพื้นฐานของการส่งเสริมการดำรงอยู่และความ
เข้มแข็งของสหภาพแรงงาน เนื่องจากความขัดแย้งด้านแรงงานเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง มิใช่
ความขัดแย้งส่วนบุคคล
๔.๒ ข้อเสนอการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย มีสาระสำคัญ ดังนี้
(๑) ให้เร่งพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงาน
นอกระบบที่ถูกเอาเปรียบอย่างยิ่ง ทั้งนี้ตามหลักการและแนวคิดของเครือข่ายแรงงานนอกระบบ
(๒) ให้เร่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยประกันสังคมให้ครอบคลุมกลุ่มแรงงานนอกระบบ
(๓) ให้เร่งพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพ
แวดล้อมในการทำงาน (ฉบับบูรณาการ ซึ่งทั้งภาครัฐและภาคประชาชนได้ร่วมกันจัดทำ)
(๔) ให้ยกเลิกกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ.๒๕๔๑) ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. ๒๕๔๑ ในส่วนที่ไม่ใช้บังคับกับกิจการประมงทะเลนอกน่านน้ำที่ประกอบกิจการเกินเวลา ๑ ปี
(๕) ให้ยกเลิกประกาศจังหวัด เรื่อง การจัดระบบและควบคุมแรงงานต่างด้าว เนื่องจากจำกัด
สิทธิเสรีภาพแรงงานข้ามชาติมากเกินไป
(๖) เร่งแก้ไขพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยเฉพาะในประเด็นการคุ้มครอง
องค์กรแรงงาน การเจรจาต่อรอง และการใช้สิทธิตามกฎหมายของคนทำงานให้ทันต่อเหตุการณ์ และ
ในประเด็นที่ห้ามลูกจ้างที่ไม่มีสัญชาติไทยจัดตั้งสหภาพแรงงาน เป็นต้น
(๗) เร่งแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และพระราชบัญญัติแรงงาน
สัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ ให้สอดคล้องกันในการคุ้มครองคนทำงานให้ได้รับสวัสดิการและสภาพการจ้าง
ที่เป็นธรรม และมีการคุ้มครองคณะกรรมการของลูกจ้างที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเป็นมาตรฐาน
เดียวกัน และยกเลิกเงื่อนไขการไม่บังคับใช้กฎหมายสำหรับคนงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ
(๘) เร่งแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ และพระราชบัญญัติประกันสังคม
พ.ศ. ๒๕๓๓ และพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อคุ้มครองคนทำงานบ้าน และลูกจ้าง
มีครรภ์อย่างเป็นธรรม และปฏิรูปกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกลมกลืนและเป็นประโยชน์ในการเข้า
ถึงสิทธิดังกล่าว
(๙) เร่งแก้ไขกฎหมายแรงงานทุกฉบับให้มีผลบังคับใช้ ลูกจ้างชั่วคราวในราชการ และหน่วยงาน
ของรัฐให้ได้รับสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ อย่างน้อยเท่าเทียมกับคนทำงานภาคเอกชน รวมทั้งเร่งแก้ไข
กฎหมายว่าด้วยหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจมิให้ยกเว้นจากกฎหมายแรงงาน
ทุกฉบับเช่นกัน
และบทเรียนหกปีของคณะอนุกรรมการสิทธิแรงงาน ๑๙
Master 2 anu .indd 19 7/28/08 8:40:05 PM