Page 33 - วารสารกฎหมายสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม 2563)
P. 33

32         วารสารกฎหมายสิทธิมนุษยชน


               การพัฒนามาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติ
                          ที่เหมาะสมกับสังคมไทยตามแนวคิดคติพุทธ



                                                                 ผู้ช่วยศาสตราจารย์อภิชัย  มานิตยกุล
                                                                                              1
                                              บทคัดย่อ




                    ก�รเลือกปฏิบัติเป็นธรรมช�ติอย่�งหนึ่งของมนุษย์ อันมีส�เหตุม�จ�ก “อวิชช�” หรือ “คว�มไม่รู้”
            ที่ว่�ผู้ที่มีลักษณะท�งก�ยภ�พต่�ง ๆ ที่แตกต่�งออกไปนั้นเป็นอันตร�ยกับตน จนกระทั่งเมื่อมนุษย์มีคว�มรู้
            ม�กขึ้นจึงเริ่มเข้�ใจว่�มนุษย์ทุกคนล้วนแต่มีคว�มเท่�เทียมกัน  สิ่งที่แตกต่�งท�งก�ยภ�พนั้นเป็นเพียง
            ก�รจัดสรรของธรรมช�ติ ก�รเลือกปฏิบัติที่เคยมีม�จึงกล�ยเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และพัฒน�ต่อม�จนกล�ยเป็น
            หลักสิทธิมนุษยชนส�กลที่สำ�คัญม�กหลักหนึ่ง แต่เนื่องจ�กก�รขจัดก�รเลือกปฏิบัติของมนุษย์ที่มีประสิทธิภ�พ
            อย่�งแท้จริงนั้นจะนำ�เอ�กติก�ส�กลม�ใช้อย่�งเคร่งครัดแต่เพียงอย่�งเดียวคงไม่ได้ ทั้งนี้ ก็เนื่องม�จ�ก
            ในแต่ละสังคมยังมีบริบทและกระบวนทัศน์ท�งสังคมดั้งเดิมอันมีร�กฐ�นจ�กวัฒนธรรม  ประเพณี  คว�มเชื่อ
            ท้องถิ่นที่แตกต่�งกัน จึงต้องนำ�เอ�หลักส�กลเข้�ม�ปรับใช้ในแต่ละสังคมอย่�งเข้�ใจ และมีกระบวนก�ร
            ที่เหม�ะสมกับลักษณะพื้นฐ�นของแต่ละสังคม ดังเช่นในสังคมไทยที่บริบทท�งสังคมอยู่ภ�ยใต้อิทธิพล
            ของศ�สน�พุทธ  ซึ่งเป็นศ�สน�ที่ช�วไทยส่วนใหญ่นับถือม�ตั้งแต่ยุคโบร�ณจนถึงปัจจุบัน  ดังนั้น  หลักก�ร
            คุ้มครองสิทธิมนุษยชนส�กลที่มีร�กฐ�นม�จ�กหลักศีลธรรมอันดีง�ม  และคว�มเอื้ออ�ทรต่อเพื่อนมนุษย์
            ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐ�นเดียวกันกับแนวคิดต�มคติพุทธจึงส�ม�รถนำ�ม�ปรับใช้กับสังคมไทยได้แบบไม่มี
            อุปสรรคม�กนัก โดยเฉพ�ะก�รนำ�ม�พัฒน�จนกล�ยเป็นม�ตรก�รท�งกฎหม�ย เพียงแต่ในบ�งกรณี
            ที่บริบทและกระบวนทัศน์ของสังคมไทยยังอยู่ภ�ยใต้อิทธิพลของ “คตินิยมเหม�รวม” (Stereotype)
            บ�งเรื่องที่มีคว�มแตกต่�งจ�กแนวคิดท�งส�กล  จึงอ�จจะยังมีปัญห�ท�งกฎหม�ยที่เกี่ยวกับก�รคุ้มครอง
            ก�รเลือกปฏิบัติปร�กฏให้เห็นอยู่บ้�ง ทั้งกรณีที่ยังไม่มีกฎหม�ยบัญญัติคุ้มครอง หรือกรณีที่มีบทบัญญัติ
            ของกฎหม�ยแล้วแต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิภ�พของบทบัญญัติดังกล่�ว ดังนั้น แนวท�งในก�รพัฒน�
            ม�ตรก�รท�งกฎหม�ยเพื่อขจัดปัญห�ดังกล่�วที่น่�จะเหม�ะกับบริบทสังคมไทย  คือก�รนำ�เอ�แนวคิด
            เชิงคติพุทธที่สำ�คัญ  2  หลัก ม�เป็นกรอบดำ�เนินก�ร  อันได้แก่  หลัก  “ปฏิจจสมุปบ�ท”  ที่นำ�ม�ใช้
            แสวงห�และกำ�หนดหลักสำ�คัญ (Core meaning) ที่ตรงประเด็น และหลัก  “มัชฌิม�ปฏิปท�”
            หรือ “หลักท�งส�ยกล�ง” ที่นำ�ม�สร้�ง “คว�มสมดุล” ระหว่�ง Core meaning หลักส�กลในเรื่อง
            ที่เกี่ยวข้อง  และ  หลักคว�มสัมพันธ์เชิงศีลธรรม (Relational ethic) จ�กนั้นจึงนำ�ไปปรับปรุงบริบทและ
            กระบวนทัศน์ของสังคมไทย เพื่อใช้เป็นร�กฐ�นสำ�หรับก�รพัฒน�ม�ตรก�รท�งกฎหม�ยของประเทศไทย
            ที่มีคว�มสมดุลกันระหว่�งหลักสิทธิมนุษยชนส�กล และบริบทของสังคมไทยอย่�งมีประสิทธิภ�พต่อไป


                             คำาสำาคัญ





                    กฎหม�ย, สิทธิมนุษยชน, ก�รเลือกปฏิบัติ, คติพุทธ




                   1  นิติศ�สตรบัณฑิต (จุฬ�ลงกรณ์มห�วิทย�ลัย) นิติศ�สตรมห�บัณฑิต (มห�วิทย�ลัยร�มคำ�แหง) เนติบัณฑิตไทย ปัจจุบันเป็น
            นักวิช�ก�รอิสระ.
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38