Page 28 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 28
บทที่ 1
บทนำ
เหลียวหลังแลไทย 1 ใน 48 ชาติประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ก่อนหน้าที่จะมีการรวมตัวกันเป็นองค์การสหประชาชาติ (United Nations Organization -
UN) นั้น สังคมการเมืองโลกมีการรบราฆ่าฟันและทำลายล้างชีวิตมนุษย์ ประมาณการณ์ว่ามากกว่า
60 ล้านคน ด้วยวิธีการที่โหดร้ายทารุณ ดังนั้น ประเทศต่าง ๆ จึงมารวมตัวกันเป็นองค์การ
สหประชาชาติเพื่อจะต่อต้านสงครามความรุนแรงและการกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีและละเมิดชีวิตมนุษย์
ด้วยกัน และไทยเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 55 ขององค์การสหประชาชาติ
บทบาทของไทยที่ควรจะภาคภูมิใจอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสากลและใน
สังคมไทย ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2491 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 3 ณ กรุง
ปารีส ประเทศฝรั่งเศส และเป็นวันที่สมัชชามีมติที่ 217 A (III) รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิ
มนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights - UDHR) (สมเกียรติ เกียรติเลขากุล, 2561;
บุญเกื้อ สมนึก, 2562) ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 48 ประเทศที่ออกเสียงรับรองมติดังกล่าว ขณะที่มี
8 ประเทศที่งดออกเสียง โดยที่ไม่มีประเทศใดออกเสียงคัดค้านปฏิญญาฉบับนี้ (กระทรวงการ
ต่างประเทศ, มปป.) หลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นบทบาทสำคัญของไทยในเวทีโลก และสะท้อนถึง
คุณค่าความสำคัญของไทยที่ตระหนักถึงการไม่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเสมอภาคเท่า
เทียมกัน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ผ่านไป 49 ปีหลังการร่วมประกาศรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนร่วมกับ
นานาชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประเทศไทย ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
ครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่
ส่งเสริมสิทธิพลเมืองในเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองมากที่สุดในยุคสมัยที่สังคมการเมืองโลก
กำลังอยู่ในบรรยากาศเสรีประชาธิปไตยเบ่งบาน ผ่านมา 2 ทศวรรษ การขับเคลื่อนงานด้านสิทธิ
มนุษยชนภายใต้พันธกรณีหลักด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยได้ลงนามผูกพัน 7 ฉบับ (จากทั้งหมด 9
ฉบับ) และมาตรฐานสำหรับการดำเนินงานขององค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติภายใต้หลักการปารีส
(The Paris Principle) และภารกิจหลักของ กสม. และสำนักงาน กสม. คือ การทำหน้าที่อย่าง
อิสระในการปกป้องคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์
ต่อการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปปฏิบัติตามเพื่อแก้ไขปัญหา
การละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงการจัดทำรายงานการประเมินสถานการณ์การละเมิดสิทธิใน
สังคมไทย กล่าวได้ว่า การมีสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้สร้างหลักประกันให้กับทุกภาคส่วน
มีความก้าวหน้าตามลำดับ แม้ว่าในส่วนของ กสม. จะถูกปรับลดระดับลงจาก A เป็น B ก็ตาม
ข้อพิจารณาที่เป็นความท้าทายสำคัญต่อการทำงานของ กสม. มีหลายประการ ทั้งในส่วนที่เป็น
บริบทการเมืองโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างผันผวน การเมืองภายในประเทศและกติกาทางการเมืองที่มี
การเปลี่ยนแปลง เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกติกาหลักถึง 3 ฉบับใน
ระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา และสภาพปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนมีความซับซ้อนและมีรูปแบบ
แปลกใหม่มากขึ้น ท้าทายการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง กระนั้น ยังคงเห็น
-19-