Page 110 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ สิทธิชุมชนในการจัดสรรทรัพยากรน้ำโดยใช้แนวทางสันติวิธี : กรณีศึกษาพื้นที่ต้นน้ำของประเทศไทย
P. 110
93
และงานของยศ สันตสมบัติ (อ้างใน บุญชู ณ ป้อมเพ็ชร, 2555) ที่อธิบายถึงรูปแบบของการจัดการ
ทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชนที่มีการจัดการเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ก่อนการบังคับใช้กฎหมายใน
รัฐสมัยใหม่ แต่ถูกลดทอนบทบาท อ้านาจการครอบครองไป รวมถึงงานศึกษาด้านกฎหมายที่กล่าวถึง
สิทธิชุมชน เช่น บวร ศักดิ์ อุวรรณโณ ไพสิฐ พาณิชย์กุล และงานของสมชาย ปรีชาศิลปะกุล (อ้างใน
บุญชู ณ ป้อมเพ็ชร, 2555) ที่ได้กล่าวถึงสิทธิทางกฎหมายของชุมชนในการจัดสรรทรัพยากร
จึงน้าไปสู่กระบวนการเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรักษาดูแลและใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรแทนที่จะเป็นการผูกขาดจากรัฐเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงที่
ชุมชนจัดการและดูแลทรัพยากรในพื้นที่ของตนอยู่แล้ว
การที่ภาครัฐได้ปฏิเสธจารีตประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชน การจัดการทรัพยากรโดยการ
ปฏิบัติตามวิถีทางของชุมชนต่าง ๆ เหล่านี้กลับกลายเป็นสิ่งไร้สาระ งมงาย ขัดแย้งกับกฎหมายของรัฐ
และเป็นเพียงข้ออ้างของชุมชนในการท้าลายทรัพยากรเท่านั้น มายาคติในเรื่องนี้ได้ถูกสร้างขึ้นบน
อุดมการณ์ความเป็นรัฐชาติ และกระแสของการพัฒนาทางเศรษฐกิจจนกลายเป็นความเชื่อของคน
ทั่วไปว่า กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในเขตป่าหรือตามลุ่มน้้า โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์นั้นเป็นผู้ท้าลายป่า
ท้าลายสภาพแวดล้อมตามลุ่มน้้า ดังนั้น รัฐจึงต้องเข้ามาเป็นผู้ดูแลโดยกระบวนการการบังคับใช้
กฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อรักษาทรัพยากรให้คงอยู่ และกันบุคคลอื่นที่ใช้หรือพึ่งพิงทรัพยากรนั้น
ออกไปโดยไม่ได้ค้านึงถึงการตั้งอยู่ของชุมชน รูปแบบ และวิธีการจัดการของชุมชนท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ใน
เขตพื้นที่ป่านั้นจริง ๆ ตามวิถีชีวิตของพวกเขาที่ด้ารงกันมา การจัดการทรัพยากรรูปแบบเช่นนี้โดยรัฐ
จึงเป็นปัญหาอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของชุมชน ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ของประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ช่วงชิงทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งการช่วงชิงทรัพยากรธรรมชาติ
ระหว่างรัฐกับเอกชน รัฐกับชุมชน และเอกชนกับชุมชน ปัญหาดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมาก
ขึ้นมาตลอด ขณะเดียวกัน ระบบกรรมสิทธิ์ของเอกชน (Private Property) ที่เข้าถือครองทรัพยากร
ไม่ว่าจะผ่านทางกฎหมาย เช่น การสร้างเหมืองฝายที่ดึงน้้าจากชุมชนมาใช้ประโยชน์กับชุมชนเมือง
โดยที่ชุมชนในพื้นที่ยังขาดแคลนน้้า การปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร รวมถึงการบุกรุกแย่งชิงเพื่อได้สิทธิ
ในการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลง
เช่นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการทรัพยากรโดยชุมชน (Common Property) อย่างหนัก
จนเป็นความเลือนรางของระบบการจัดการทรัพยากรโดยชุมชนท่ามกลางความแก่งแย่งและกีดกัน
จากอ้านาจรัฐและภาคเอกชน