Page 55 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 55

รายงานการศึกษาวิจัย
                   โครงการการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน


                  ได้ให้สัตยาบันคือ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบต่อสตรี (CEDAW) และอนุสัญญาว่า
                  ด้วยสิทธิเด็ก (CRC) นอกจากอนุสัญญาทั้งสองฉบับ ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าเป็นภาคีตราสารหลักด้าน
                  สิทธิมนุษยชนอีก 7 ฉบับที่เหลือแตกต่างกัน ดังมีรายละเอียดปรากฏในตารางที่ 3 ซึ่งการที่รัฐสมาชิก

                  อาเซียนเข้าเป็นภาคีในตราสารสิทธิมนุษยชนที่แตกต่างกัน โดยมีจุดร่วมกันเพียงสองเรื่องคือ สตรีและเด็ก
                  ท าให้เป็นความท้าทายของอาเซียนในการก าหนดนโยบายในประเด็นที่ยังคงมีความแตกต่างกัน และใน
                  หลายกรณียังถูกใช้เป็นข้ออ้างของประเทศสมาชิกที่ยังไม่เข้าเป็นภาคีในตราสารบางฉบับในการร่วมจัดท า
                  ตราสารระดับภูมิภาคในอาเซียน เช่น คนพิการ สิทธิทางการเมือง และสิทธิทางสังคมและวัฒนธรรม

                  เป็นต้น

                           จากข้อมูลที่แสดงในตารางที่ 6 และ 7 กัมพูชา อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เป็นประเทศสมาชิก

                  อาเซียนที่เข้าเป็นภาคีในตราสารหลัก 8 ฉบับ ในส่วนของประเทศไทยได้มีการให้สัตยาบันในอนุสัญญาหลัก
                  จ านวน 7 ฉบับ และล่าสุดได้มีการลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันบุคคลจากการหายสาบสูญโดยถูก
                  บังคับในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ท าให้เหลือเพียงอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้าย
                  ถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัวที่ประเทศไทยยังไม่ได้ทั้งมีการลงนามและให้สัตยาบัน จากตารางที่ 7
                  ในด้านอนุสัญญาที่ประเทศสมาชิกมีการให้สัตยาบันมากที่สุดนอกจากอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือก

                  ปฏิบัติทุกรูปแบบต่อสตรีและอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กแล้วคือ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิผู้พิการ (CRPD) ซึ่งมี
                  ประเทศสมาชิกจ านวน 9 ประเทศที่ให้สัตยาบัน (คงเหลือแต่บรูไนซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาการให้
                  สัตยาบัน) ส่วนตราสารที่มีประเทศสมาชิกเข้าเป็นภาคีน้อยที่สุด (คิดเป็นเพียงร้อยละ 10) คืออนุสัญญา

                  ว่าด้วยการป้องกันบุคคลจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ซึ่งอาจมาจากสาเหตุที่เป็นอนุสัญญาที่เปิดให้มี
                  การลงนามในปี พ.ศ. 2550 และเพิ่งมีผลใช้บังคับในปี พ.ศ. 2553 ส่วนฉบับที่มีการลงนามน้อยที่สุดเป็น
                  อันดับที่สองคืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกในครอบครัว
                  (ร้อยละ 20) แน่นอนว่า การที่ประเด็นที่ว่าการที่เข้าเป็นภาคีตราสารสิทธิมนุษยชนฉบับใดฉบับหนึ่ง มิได้

                  หมายความว่าการอนุวัติการตามพันธกรณีที่เกิดจากตราสารฉบับดังกล่าวจะสามารถด าเนินการได้อย่างเต็ม
                  รูปแบบ และประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้เข้าเป็นภาคีตราสารสิทธิมนุษยชนในจ านวนที่มากกว่าประเทศ
                  สมาชิกอื่นก็มิได้หมายความว่าจะให้การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนดังกล่าวให้กับบุคคลในเขต
                  อ านาจของตนได้ดีกว่าประเทศที่ยังไม่เข้าเป็นภาคีแต่ประการใด ซึ่งประเด็นการอนุวัติการให้เป็นไปตาม

                  พันธกรณีตามตราสารสิทธิมนุษยชนนี้จะได้หยิบยกขึ้นอีกครั้งในบทสุดท้ายเกี่ยวกับข้อเสนอแนะต่อบทบาท
                  ของประเทศไทย
























                  National Human Rights Commission of Thailand                                          48
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60