Page 17 - ศัพท์สิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 17
ศาลปกครองของประเทศไทยจัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 (ค.ศ. 1997) และมีระเบียบวิธีพิจารณา
คดีตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) มีฐานะเทียบเท่าศาลยุติธรรมแบ่งออกเป็นสองระดับ
คือ “ศาลปกครองชั้นต้น” และ “ศาลปกครองสูงสุด” ผู้พิพากษาศาลปกครอง
เรียกว่า “ตุลาการศาลปกครอง”
การแยกศาลปกครองออกจากศาลยุติธรรมเพื่อให้เป็นสถาบันตุลาการ
ที่มีความชำานาญเฉพาะด้าน เนื่องจากคดีปกครองเป็นการพิพาทระหว่าง
รัฐกับราษฎรคู่ความในคดีจึงมีฐานะไม่เท่ากัน ดังนั้นแนวคิดของการระงับ
ข้อพิพาทและกระบวนการพิจารณาจึงแตกต่างจากการพิจารณาคดีพิพาท
ทั่วไป กล่าวคือในคดีทั่วไปที่พิจารณาโดยศาลยุติธรรมจะใช้ระบบกล่าวหา
ในขณะที่การพิจารณาคดีในศาลปกครองจะใช้วิธีไต่สวน อันเป็นการ
เปิดโอกาสให้ศาลปกครองได้แสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อปรับใช้กฎหมายต่าง ๆ
ในการอำานวยความยุติธรรมให้กับคู่ความอย่างเต็มที่
ศาลปกครองมีบทบาทสำาคัญในการตีความข้อกฎหมายเกี่ยวกับ
การรับรองสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดผลในการใช้จริง
ตลอดจนการวางหลักเกณฑ์ให้ใช้อำานาจของฝ่ายบริหารเพื่อไม่ให้เกิด
ความเสียหายต่อปัจเจกชน
คำาที่เกี่ยวข้อง ADMINISTRATIVE CASE, COURT OF JUSTICE,
CONSTITUTIONAL COURT
การคุมขัง
ADMINISTRATIVE DETENTION
โดยอำานาจฝ่ายบริหาร
การควบคุมตัวบุคคลที่ทำาโดยอำานาจของฝ่ายบริหาร การควบคุมตัวไม่ได้
กระทำาโดยอำานาจศาล หรือไม่ได้ถูกตั้งข้อหาว่ากระทำาความผิดทางอาญาในฐานะ
“ผู้ต้องหา” แต่ถูกจับกุมและควบคุมตัวตามกฎหมายที่ให้อำานาจฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจ
เกิดขึ้นในสถานการณ์ปกติ หรือ สถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อความจำาเป็นในการบริหาร
สาธารณะของฝ่ายบริหาร เช่น ความจำาเป็นในการป้องกันภยันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ต่อสังคมหรือกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม เช่น การควบคุมตัวผู้ที่หลบหนี
6