Page 33 - กฎหมายและระเบียบงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 33

-๙-

                            การลงมติในการประชุมของคณะกรรมการให้ใช้คะแนนเสียงข้างมาก โดยประธานในที่ประชุม
                  และกรรมการที่มาประชุมต้องลงคะแนนเสียงเพื่อมีมติโดยจะงดออกเสียงมิได้ และให้กรรมการคนหนึ่ง
                  มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ในกรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้น

                  อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
                            การไม่เข้าประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุมตามวรรคสองเฉพาะในกรณีมีการพิจารณาวินิจฉัย

                  ตามมาตรา ๒๖ (๒) หรือ (๔) โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
                  ตามมาตรฐานทางจริยธรรม แต่ไม่ตัดสิทธิที่จะลาออกจากต าแหน่งก่อนมีการลงมติ
                            ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุม ให้กรรมการ

                  ที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการประชุม
                  ที่คณะกรรมการก าหนด


                            มาตรา ๒๔ ในระหว่างการด ารงต าแหน่ง กรรมการต้องไม่รับเงิน ทรัพย์สิน หรือ
                  ประโยชน์อื่นใดจาก
                            (๑) บุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย

                            (๒) นิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจหรือกิจการหรือจดทะเบียนสาขา
                  อยู่ในหรือนอกราชอาณาจักร

                            (๓) นิติบุคคลที่จดทะเบียนในราชอาณาจักรโดยมีบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีทุนหรือเป็นผู้ถือหุ้น
                  เกินร้อยละสี่สิบเก้า ในกรณีที่เป็นบริษัทมหาชนจ ากัดให้พิจารณาตามที่ปรากฏในทะเบียนผู้ถือหุ้น
                  ของบริษัทดังกล่าว หุ้นที่ไม่ปรากฏชื่อผู้ถือหรือโดยตัวแทนของบุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อ ให้ถือว่าเป็นหุ้น

                  ที่ถือโดยผู้ไม่มีสัญชาติไทย
                            (๔) องค์การหรือนิติบุคคลที่มีรายได้หลักจากทุนหรือเงินอุดหนุนจากต่างประเทศ

                            ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับกรณีที่กรรมการได้รับเชิญจากองค์การระหว่างประเทศหรือ
                  หน่วยงานของรัฐต่างประเทศให้ไปประชุมหรือสัมมนาในต่างประเทศโดยผู้เชิญเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้

                  ทั้งนี้ เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว

                            มาตรา ๒๕ กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา และการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อ านาจของ
                  คณะกรรมการต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ

                  และปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามมาตรฐานทางจริยธรรม ทั้งต้องค านึงถึงความผาสุกของประชาชนชาวไทย
                  และผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นส าคัญ ในระหว่างการด ารงต าแหน่งกรรมการจะเข้ารับการศึกษา

                  หรืออบรม ในหลักสูตรหรือโครงการใด ๆ มิได้ เว้นแต่เป็นหลักสูตรหรือโครงการที่คณะกรรมการ
                  เป็นผู้จัดขึ้นโดยเฉพาะส าหรับกรรมการ
                            ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ต้องค านึงถึงวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามและ

                  บริบทของสังคมไทยเป็นส าคัญด้วย

                            มาตรา ๒๖ คณะกรรมการมีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้

                            (๑) ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณี
                  โดยไม่ล่าช้า และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิด








                                                                                                                  27
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38