Page 37 - กฎหมายและระเบียบงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 37
-๑๓-
มาตรา ๓๖ ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบแล้วเห็นว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีใด
เป็นเรื่องเฉพาะตัวเป็นรายกรณี ให้แจ้งหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขการละเมิด
สิทธิมนุษยชนดังกล่าวตามหน้าที่และอ านาจภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการก าหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า
หกสิบวัน โดยให้คณะกรรมการเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไข
การละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าว รวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในกรณีนั้นด้วย แล้วแต่กรณี
ให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องด าเนินการให้เป็นไปตามที่ได้รับแจ้งภายใน
ก าหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง แล้วแจ้งผลการด าเนินการให้คณะกรรมการทราบภายในระยะเวลาที่
คณะกรรมการก าหนด
ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องไม่อาจด าเนินการได้เนื่องจากไม่อยู่ในหน้าที่
และอ านาจของหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนนั้น หรือเป็นการร้องเรียนโดยใช้สิทธิไม่สุจริต หรือได้มีการ
แก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมแล้ว หรือมีเหตุจ าเป็นอื่นใดให้แจ้งให้คณะกรรมการทราบก่อนพ้นก าหนดเวลา
ตามวรรคหนึ่ง
ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องมิได้ด าเนินการตามวรรคสองหรือวรรคสาม
ภายในระยะเวลาที่ก าหนดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้คณะกรรมการจัดท ารายงานเสนอคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๓๗ ในกรณีที่การละเมิดสิทธิมนุษยชนเรื่องใดเป็นความผิดอาญาและผู้เสียหาย
ไม่อยู่ในฐานะที่จะร้องทุกข์หรือกล่าวโทษด้วยตนเองได้ ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการ
มอบหมายมีอ านาจร้องทุกข์หรือกล่าวโทษได้โดยให้ถือว่าเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา
มาตรา ๓ ๘ ในกรณีที่กรรมการผู้ใดพบเห็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและจ าเป็น
ต้องด าเนินการโดยเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะเป็นภยันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของบุคคล
ซึ่งถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่มีทางเยียวยาได้ในภายหลัง กรรมการผู้นั้นอาจแจ้งให้หน่วยงานของรัฐ
ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหน้าที่และอ านาจของ
หน่วยงานนั้นได้ แล้วแจ้งให้คณะกรรมการทราบ ในกรณีจ าเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้กรรมการผู้นั้น
อาจสั่งให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ
ตามที่เห็นสมควรได้
ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือต ารวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับค าสั่งตาม
วรรคหนึ่งที่จะต้องปฏิบัติตามค าสั่งนั้น
มาตรา ๓๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๖ ห้ามมิให้คณะกรรมการรับเรื่องที่คณะกรรมการพิจารณา
แล้วเห็นว่ามีลักษณะดังต่อไปนี้ ไว้พิจารณา
(๑) เรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลหรือเรื่องที่ศาลมีค าพิพากษา ค าสั่ง หรือค าวินิจฉัย
เสร็จเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่เป็นการศึกษาเพื่อประโยชน์ในการเสนอแนะให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
กฎ ระเบียบ หรือค าสั่ง ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
(๒) เรื่องที่ไม่อยู่ในหน้าที่และอ านาจของคณะกรรมการ
31