Page 135 - กฎหมายและระเบียบงานด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 135
๕
ช่วยเหลือตามข้อ ๑๒ หรือบุคคลที่ถูกระงับความช่วยเหลือตามข้อ ๑๖ มีสิทธิยื่นคำขอรับเงินชดเชย
โดยให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบตามข้อ ๗ แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณา
เยียวยาเงินชดเชยให้ตามสมควร
(๒) การปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือซึ่งถูกดำเนินคดี มิใช่เป็นการปฏิบัติ
หน้าที่ราชการหรือสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้สำนักงานพิจารณา
เรียกคืนค่าใช้จ่ายในการถูกดำเนินคดีที่ได้จ่ายไปคืนทั้งหมดจากบุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือ
การยื่นคำขอรับเงินชดเชยตาม (๑) ให้ยื่นต่อสำนักงานภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ข้อ ๑๘ เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว และบุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือมีสิทธิได้รับชดใช้เงินค่าใช้จ่าย
ในการถูกดำเนินคดีที่จ่ายไปคืนจากคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง ให้บุคคลผู้ได้รับความช่วยเหลือเรียกร้องเงินดังกล่าว
และนำส่งคืนสำนักงานตามที่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ไม่เกินจำนวนที่ได้รับชดใช้และไม่เกินจำนวนที่
สำนักงานได้ออกค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ ทั้งนี้ บุคคลผู้ได้รับความช่วยเหลือจะมอบให้สำนักงาน
เป็นผู้รับแทนก็ได้
ส่วนที่ ๓
การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการถูกดำเนินคดี
ข้อ ๑๙ บุคคลที่ได้รับความช่วยเหลือมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการถูกดำเนินคดีนับแต่วันอนุมัติ
หรือได้รับความเห็นชอบ โดยต้องมีหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายที่ชัดเจน
การเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าพาหนะ ให้เป็นไปตามอัตราที่กำหนดไว้ในระเบียบคณะกรรมการ
ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือระเบียบ
คณะกรรมการว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้เบิกจ่ายได้
เท่าที่จ่ายจริง
ถ้าไม่มีการเทียบตำแหน่งและกำหนดสิทธิไว้ ให้เสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเทียบตำแหน่ง
เป็นรายกรณี
บุคคลตามข้อ ๕ (๕) ให้ได้รับสิทธิเทียบเท่าตำแหน่งสุดท้ายก่อนพ้นจากตำแหน่งหรือหน้าที่
หมวด ๓
การขอรับความช่วยเหลือกรณีเป็นพยาน
ข้อ ๒๐ บุคคลที่ได้รับคำขอให้เป็นพยานและประสงค์ได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบนี้
ให้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือกรณีเป็นพยานตามแบบ ชล. ๒ ต่อประธานกรรมการ หรือเลขาธิการหรือ
ผู้ที่เลขาธิการมอบหมาย แล้วแต่กรณี
129