Page 88 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 88

ส�าหรับสาระส�าคัญโดยย่อของรายงานผลการตรวจสอบ    กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า ความเสียหายที่บุตรชาย
            การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ส�าคัญในบางกรณี และการ ผู้ร้องกับพวกได้รับเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาที่น�าตัวบุตรชาย
            ด�าเนินการตามข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่ ผู้ร้องกับพวกออกไปภายนอกเรือนจ�าเท่านั้น และเป็นผล
            เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน   มาจากพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้อ�านาจ
            รวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับการเสียหายจากการถูกละเมิด  ผู้ถูกร้องจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องขังได้ การใช้
            สิทธิมนุษยชนที่ กสม. แจ้งไปยังหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ตรวนแม้จะก่อให้เกิดผลเสียหายบ้าง แต่สิทธิและเสรีภาพ
            ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง  ของบุตรชายผู้ร้องกับพวกมิได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น

            ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมตลอดทั้ง  การที่ผู้ถูกร้องใช้เครื่องพันธนาการประเภทตรวน แก่บุตรชาย
            การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือค�าสั่ง เพื่อให้  ผู้ร้องกับพวกอีก ๗ คนในระหว่าง การคุมตัวออกไปภายนอก
          รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
            สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ที่ กสม. เสนอต่อรัฐสภา  เรือนจ�า จึงยังไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบุตรชาย
            คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้ ๒๐  ผู้ร้องกับพวก จึงมีมติให้ยุติเรื่อง อย่างไรก็ตามการใช้
                                                             เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องขัง แม้จะมีกฎหมายราชทัณฑ์
            กรณีที่ ๑ เรื่อง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิเสรีภาพ  ก�าหนดประเภทและเงื่อนไขการใช้เครื่องพันธนาการไว้
            ในร่างกาย  กรณีกล่าวอ้างว่าการปฏิบัติโดยใช้  แต่กฎหมายดังกล่าวมีลักษณะเป็นการเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่
      สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
            เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องขังในระหว่างการคุมตัว  ของรัฐใช้ดุลพินิจเลือกใช้เครื่องพันธนาการโดยมิได้
            ไปศาลเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน                   ก�าหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและแน่นอนเป็นแนวทางก�ากับ

                (รายงานผลการตรวจสอบที่ ๒๘๓/๒๕๖๑)             การใช้ดุลพินิจว่าเมื่อใดเป็นกรณีมีเหตุจ�าเป็นหรือมีเหตุ
                กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบ กรณีกล่าว สมควรที่จะใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งอาจก่อให้เกิด
            อ้างว่า บุตรชายผู้ร้อง กับพวกอีก ๗ คน เป็นผู้ต้องขัง  กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ดุลพินิจเกินขอบเขตและ
            ในความควบคุมของเรือนจ�าอ�าเภอพล ซึ่งอยู่ระหว่าง  ความจ�าเป็นตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย อันเป็นการลดทอน
            การพิจารณาคดีของศาลจังหวัดพล ในคดีความผิดฐาน  ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพ
            ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ร่วมกันท�าให้เสียทรัพย์   ของผู้ต้องขังเกินสมควรได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครอง
            อั้งยี่ ซ่องโจร และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  สิทธิของบุคคลจากการใช้อ�านาจโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และ

            มาตรา ๑๑๒ จากเหตุเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙   ป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อ�านาจเกินขอบเขต และ
            ในอ�าเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น บุตรชายผู้ร้องกับพวก   เงื่อนไขที่กฎหมายก�าหนด จึงให้มีข้อเสนอแนะมาตรการ
            ถูกจับกุมและน�าตัวมาฝากขังที่เรือนจ�าอ�าเภอพล พนักงาน  หรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไข การละเมิด
            สอบสวน ได้สรุปส�านวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา สิทธิมนุษยชนต่อกรมราชทัณฑ์ ตามรัฐธรรมนูญแห่ง
            ทั้งแปดเสนอพนักงานอัยการจังหวัดพล โดยพนักงาน  ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๗ (๑)
            อัยการจังหวัดพลได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดพลซึ่งนัด และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะ
            พร้อมเพื่อสอบค�าให้การและตรวจพยานหลักฐานเมื่อวันที่   กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖
            ๒ ตุลาคม ๒๕๖๐ ในการคุมตัวบุตรชายผู้ร้องกับพวกอีก   (๑) และให้มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการ
            ๗ คนไปศาลจังหวัดพล ผู้ถูกร้องได้ใส่ตรวนแก่บุตรชาย  ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อกระทรวงยุติธรรม

            ผู้ร้องกับพวก และไม่อนุญาตให้บุตรชายผู้ร้องกับพวก  และส�านักงานศาลยุติธรรม  ตามรัฐธรรมนูญแห่ง
            ผูกเชือกส�าหรับดึงโซ่ตรวนเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคแก่การเดิน   ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๗ (๓)
            รวมทั้งไม่อนุญาตให้ใส่ถุงเท้าเพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่าง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะ
            ตรวนกับข้อเท้า ผู้ร้องเห็นว่าการกระท�าของผู้ถูกร้อง  กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖
            เป็นการปฏิบัติที่โหดร้ายและละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  (๓) ประกอบมาตรา ๔๒ ดังนี้
            ของผู้ต้องขังในคดีที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล



            ๒๐  ส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, “รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีต่าง ๆ ”, ส�านักงานคณะกรรมการ
            สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, สืบค้นเมื่อ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔, https://www.nhrc.or.th/NHRCT-Work/Examination-reports/18911.aspx.



       86
   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93