Page 94 - รายงานผลการศึกษาข้อมูลนักโทษประหารชีวิต
P. 94

๑.๓  ความคิดและความรู้สึกของครอบครัว                                                 ๑.๕  การปรับตัวในการใช้ชีวิตในเรือนจำา
                    และคนใกล้ชิดของนักโทษประหารชีวิต                                                เมื่อได้รับโทษประหารชีวิตแล้ว นักโทษประหารต้องถูกคุมขังในเรือนจำา

               การตัดสินลงโทษประหารชีวิต นอกจากจะส่งผลกระทบกับตัวนักโทษแล้ว                    ระหว่างรอการบังคับโทษ ซึ่งภายในเรือนจำาจะกำาหนดแดนให้นักโทษประหาร
          ยังพบว่า ผลกระทบยังส่งต่อไปยังครอบครัวและคนใกล้ชิดนักโทษประหารชีวิตด้วย              แยกจากนักโทษอื่นๆ เป็นการเฉพาะ การจัดการตนเองของนักโทษประหารชีวิต

          จากการศึกษาพบว่า  เมื่อครอบครัวและคนใกล้ชิดได้รับทราบว่านักโทษได้รับคำาพิพากษา       ภายในเรือนจำาพบว่า
          ตัดสินให้ประหารชีวิตนั้น  ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่แตกต่างจากนักโทษประหารชีวิต            การใช้ชีวิตในเรือนจำาในช่วงแรกนั้น  ก่อให้เกิดความรู้สึกยากลำาบากทั้งด้าน

          ทั้งหดหู่ ตกใจ เสียใจ พูดไม่ออก  อีกทั้งยังต้องรับภาระความรับผิดชอบ และค่าใช้จ่าย    ร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการแสดงออกตามความรู้สึกของตนเอง นอกจากนี้
          ต่างๆ แทนนักโทษประหารชีวิตด้วย  บางรายครอบครัวและคนใกล้ชิดต้องปรับเปลี่ยน            บางรายพบว่า  มีอาการป่วยที่ต้องทำาการรักษาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องปรับตัว
          วิถีชีวิต  อย่างไรก็ตาม ครอบครัวและคนใกล้ชิดแม้ว่าจะได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน          ปรับการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ และใช้บริการทางการแพทย์ให้สอดคล้องตามกฎ

          แต่ก็ได้มีการให้กำาลังใจและปลอบใจกันเพื่อการดำาเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า ซึ่งส่วนหนึ่ง   และระเบียบของกรมราชทัณฑ์  ส่วนในกรณีของนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ที่ได้รับ
          ก็จะมองว่า การได้รับโทษดังกล่าวคงเป็นเวรกรรมที่ทำามาแต่ชาติปางก่อน                   ความสนใจจากสังคม ทำาให้ผู้คุมต้องแจ้งผู้ต้องขังรายอื่นๆ ไม่ให้มีการทำาร้ายนักโทษ

                                                                                               รายดังกล่าว
               ๑.๔  ความคิดที่มีต่อการประหารชีวิต
                                                                                                    ๑.๖  การทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษ
               ด้วยในช่วงระยะเวลากว่า ๙ ปีก่อนเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ไม่พบการ

          บังคับโทษประหารชีวิต  จึงทำาให้นักโทษประหารหลายรายคิดว่าแม้ตนเองจะ                        ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บัญญัติให้เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
          ได้รับคำาพิพากษาตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิต  แต่อาจจะไม่โดนประหารชีวิตจริง             นักโทษหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องสามารถทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์
          เนื่องจากได้รับการบอกเล่ากันภายในเรือนจำาว่า  ไม่มีการประหารชีวิตมานานแล้ว           ขอรับพระราชทานอภัยโทษ  โดยยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ ภายใน

          ขณะที่บางรายเชื่อว่า ตราบใดที่ยังมีการกำาหนดบทลงโทษและพิพากษาตัดสินให้               ๖๐ วัน ซึ่งหากไม่มีการถวายเรื่องราว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นสมควร
          ประหารชีวิตอยู่ ก็คิดว่าต้องมีการประหารชีวิตจริง  แต่ตนเองน่าจะไม่ถูกประหารชีวิต     สามารถถวายคำาแนะนำาต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษ
                                                          ้
          เพราะคิดว่าผู้ที่จะถูกประหารชีวิตคือนักโทษที่กระทำาผิดร้ายแรง ซำาซาก                 รายนั้นได้
               อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประหารชีวิตนักโทษรายหนึ่งเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน              ทั้งนี้พบว่า ในการถวายเรื่องราวนั้นนักโทษประหารชีวิตทุกรายได้ทำาเอกสาร
          ๒๕๖๑ ทำาให้นักโทษประหารชีวิตมีความรู้สึกหดหู่ กลัว และเกิดความหวาดระแวง              เพื่อถวายเรื่องราว ซึ่งส่วนปกครองในเรือนจำาจะให้คำาปรึกษาแก่นักโทษประหาร

          หากพบว่าในวันใดที่มีผู้คุมเข้ามาในเรือนจำามากกว่าปกติ                                ชีวิตในการเขียนเรื่องราว รวมทั้งยังมีนักโทษรายอื่นๆ ในเรือนจำาที่ให้ความช่วยเหลือ
                                                                                               ในการดำาเนินการ








          92                                     รายงานผลการศึกษาข้อมูลนักโทษประหารชีวิต       รายงานผลการศึกษาข้อมูลนักโทษประหารชีวิต                     93
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99