Page 20 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 20
ต
แง่หนึ่งนั้น อาจพิจารณาได้ว่า เหตุดังกล่าวมีความส าคัญและการน าเหตุดังกล่าวมาปฏิบัติต่อบุคคลแตกต่าง
กันนั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของบุคคลในด้านต่างๆเช่นการประกอบอาชีพ การใช้บริการต่างๆ ดังนั้นก็
ควรมีการคุ้มครองความเท่าเทียมกันของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะสองแนวทางดังนี้
แนวทางแรก ไม่ก าหนดหรือระบุเหตุเหล่านี้เป็นเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติไว้อย่างชัดแจ้งในกฎหมาย
แต่ใช้วิธีการ ตีความ ให้อยู่ในเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ เช่น ตีความประวัติอาชญากรรมว่าอยู่ในเหตุ “สถานะ
ของบุคคล” ตีความผู้ติดเชื้อเอชไอวีว่าอยู่ในเหตุ “สุขภาพ” ส าหรับ การให้นมบุตรจากอกแม่ ตีความว่าอยู่ใน
เหตุ “เพศ” เป็นต้น
แนวทางที่สอง เสนอให้มีการบัญญัติเพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางอย่างเหล่านี้ไว้ให้ชัดเจนใน
กฎหมายเช่น เพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติเหล่านี้ไว้ในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งอาจจ าต้องมีการตรากฎหมาย
ล าดับรองเป็นการเฉพาะส าหรับการห้ามเลือกปฏิบัติด้วยเหตุเหล่านี้ เช่น แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายคุ้มครอง
แรงงานโดยการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุดังกล่าว
(3) ข้อเสนอในการต่อยอดการวิจัย
จากผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงสภาพปัญหาของกฎหมายไทยปัจจุบันซึ่งยังไม่ครอบคลุมการเลือกปฏิบัติ
ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงน าไปสู่ข้อเสนอแนะในการบัญญัติกฎหมายกลาง อย่างไรก็ตาม ขอบเขตของ
งานวิจัยนี้ยังไม่ครอบคลุมถึงการน าเสนอร่างกฎหมายกลางดังกล่าวในรายละเอียด จึงควรมีการศึกษา
วิเคราะห์จัดท าร่างกฎหมายกลางเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติเพื่อด าเนินการรับฟังความคิดเห็นและเข้าสู่
กระบวนการเสนอกฎหมายตามล าดับต่อไป
ขอบเขตและความหมายของการเลือกปฏิบัติ อาจพิจารณาได้หลายมิติและในหลายบริบทกฎหมาย
จึงเสนอให้มีการต่อยอดการวิจัยในบริบทของกฎหมายปกครองหรือกฎหมายมหาชน ในประเด็นขอบเขต
ความหมายของการเลือกปฏิบัติเพื่อเปรียบเทียบและจ าแนกความแตกต่างกับความหมายและขอบเขตใน
บริบทสิทธิมนุษยชนเพื่อให้เกิดแนวทางที่ชัดเจนในการพิจารณากฎหมายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องต่อไป
เนื่องจากการวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาภาพรวมของปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับหลัก
ความเท่าเทียมกันหรือหลักความเสมอภาคและการห้ามเลือกปฏิบัติในประเทศไทย โดยมิได้มุ่งศึกษาเฉพาะ
กรณีปัญหากรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนั้น ในส่วนที่สองของงานวิจัยนี้จึงเป็นเพียงการหยิบยกประเด็นปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากการส ารวจ ศึกษา และการเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ จัดกลุ่มสนทนา รับฟังความคิดเห็น มา
ท าการวิเคราะห์ภายใต้กรอบแนวคิดกฎหมายสิทธิมนุษยชน เพื่อสะท้อนให้เห็นปัญหาในภาพรวมว่าภายใต้
กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น การคุ้มครองความเท่าเทียมกันและการห้ามเลือกปฏิบัติเพียงพอและครอบคลุม
แล้วหรือไม่ เพียงใด ซึ่งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่ายังมีหลายกรณีที่กฎหมายปัจจุบันไม่ครอบคลุมถึง จึงน าไปสู่
ข้อเสนอแนะในการมีกฎหมายกลางดังกล่าว ดังนั้น ในส่วนของการต่อยอดการวิจัย จึงเสนอให้มีการศึกษา
ประเด็นเฉพาะกรณีศึกษาเป็นรายกรณีในเชิงลึกต่อไป