Page 140 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 140

116


                         ขั้นแรก พิจารณาวํา กฎหมายนั้นปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันหรือไมํ หากผลการพิจารณาชี้วํา

                  กฎหมายนั้นไมํได๎ปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกัน กฎหมายนั้นก็ผํานเกณฑ์นี้ และไมํถือเป็นการเลือกปฏิบัติ แตํ
                  หากกฎหมายนั้นปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกัน ก็จะต๎องพิจารณาขั้นที่สองตํอไป

                         ขั้นที่สอง พิจารณาวํา กฎหมายที่ปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันนั้น อยูํบนพื้นฐานเหตุผลการจ าแนก

                  ความแตกตํางที่ชอบหรือไมํ ในการนี้จะต๎องแยกพิจารณาเป็นสองกรณีคือ
                         กรณีแรก พิจารณาวํา การจ าแนกความแตกตํางระหวํางบุคคลในกลุํมหนึ่งกับบุคคลที่อยูํนอกกลุํม

                  นั้น อยูํบนพื้นฐานเหตุผลที่สามารถเข๎าใจได๎หรือไมํ หากผลการพิจารณาชี้วํา ไมํอยูํบนพื้นฐานเหตุผลที่

                  เข๎าใจได๎ กฎหมายนั้นก็เป็นการเลือกปฏิบัติที่ขัดตํอรัฐธรรมนูญ แตํหากอยูํบนพื้นฐานเหตุผลที่เข๎าใจได๎ ก็
                  จะต๎องพิจารณาในกรณีที่สองตํอไป

                         กรณีที่สอง พิจารณาวํา การปฏิบัติที่แตกตํางกันนั้นมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ที่ต๎องการบรรลุ
                  หรือไมํ หากผลการพิจารณาชี้วํา มีความสัมพันธ์กัน หรืออาจกลําวได๎วํากฎหมายซึ่งเป็นวิธีการในการบรรลุ

                  เปูาหมายนั้นได๎สัดสํวนกับเปูาหมายที่ต๎องการบรรลุ กฎหมายนั้นก็ผํานเกณฑ์นี้ และไมํถือเป็นการเลือก
                  ปฏิบัติ แตํหากกฎหมายนั้นไมํมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ที่ต๎องการบรรลุ กฎหมายนั้นก็ไมํผํานเกณฑ์

                  กลําวคือ เป็นการเลือกปฏิบัติที่ขัดตํอรัฐธรรมนูญ

                         กฎหมายอาญาสิงค์โปร์ มาตรา 377A  ก าหนดโทษส าหรับชายซึ่งกระท าทางเพศหรือกระท าที่ไมํ
                                                             25
                  เหมาะสมตํอชายอื่น ไมํวําในที่สํวนตัวหรือสาธารณะ



                         3.3.6 กฎหมายประเทศสวีเดน

                         รัฐธรรมนูญสวีเดน วางหลักเกี่ยวกับความเทําเทียมกันและการไมํเลือกปฏิบัติไว๎ดังนี้
                         มาตรา 15 วางหลักวํา “กฎหมายหรือบทบัญญัติใดๆ จะต๎องไมํกํอให๎เกิดการปฏิบัติตํอพลเมืองใน

                  ลักษณะกีดกันเนื่องจากการที่พลเมืองคนนั้นเป็นสมาชิกชนกลุํมน๎อย ด๎วยเหตุแหํงเชื้อชาติ สีผิว ชาติ
                         26
                  ก าเนิด”
                         มาตรา 16 วางหลักวํา “กฎหมายหรือบทบัญญัติใดๆ จะต๎องไมํกํอให๎เกิดการปฏิบัติตํอพลเมืองใน

                  ลักษณะกีดกันด๎วยเหตุแหํงเพศ เว๎นแตํบทบัญญัติดังกลําวเป็นสํวนหนึ่งของมาตรการสํงเสริมความเทําเทียม
                                       27
                  กันระหวํางชายและหญิง”



                  25
                    Section 377A “any male person who, in public or private, commits... or procures or attempts to
                  procure the commission by any male person of, any act of gross indecency with another male
                  person”.
                  26  Article 15.No act of law or other provision may imply the unfavourable treatment of a citizen
                  because he belongs to a minority group by reason of race, colour, or ethnic origin.
                  27
                    Article 16.No act of law or other provision may imply the unfavourable treatment of a citizen on
                  grounds of gender, unless the provision forms part of efforts to promote equality between men and
                  women or relates to compulsory military service or other analogous official duties.
   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145