Page 67 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 67

๕.๒ ตราสารทางกฎหมาย



                       จากการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงปรากฏว่า ตราสารทางกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนของอาเซียน
          มีจ�านวนน้อยกว่าตราสารทางการเมืองซึ่งได้รวบรวมและวิเคราะห์ไว้ในหัวข้อก่อนหน้านี้อย่างมาก โดยมีเกณฑ์ในการแยก

          ประเภทตราสารที่ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมายสองประการ คือ ประการแรก ตราสารประเภทนี้ถือเป็น “สนธิสัญญา”
          ประเภทหนึ่งจึงอยู่ภายใต้บังคับกฎเกณฑ์ของอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา (Vienna Convention on

          the Law of Treaties) โดยอาจเรียกชื่อได้อย่างหลากหลาย เช่น อนุสัญญา (Convention) พิธีสาร (Protocol) ข้อตกลง
          (Agreement) กติกา (Covenant) ค�าประกาศหรือปฏิญญา (Declaration) กฎบัตร (Charter) เป็นต้น หลักเกณฑ์ส�าคัญ
                                         47
          ในการพิจารณาอยู่ที่เจตนาของคู่สัญญา  และ ประการที่สอง เป็นตราสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิทธิมนุษยชน
          ซึ่งเป็นเกณฑ์เดียวกับที่ใช้พิจารณาตราสารทางการเมืองในหัวข้อ ๕.๑


                       ๕.๒.๑ อนุสัญญาสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน

                             นอกจากตราสารหลักระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนจ�านวน ๙ ฉบับที่ประเทศสมาชิกอาเซียน
          ได้เลือกเข้าเป็นภาคี  อาเซียนได้มีการพัฒนาตราสารด้านสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคเพื่อสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชนร่วมกัน
          ระหว่างประเทศสมาชิก  โดยปัจจุบันอาเซียนได้มีการพัฒนาและรับรองอนุสัญญาอาเซียนจ�านวน  ๕  ฉบับดังปรากฏรายชื่อ

          ตามที่ได้รวบรวมไว้ในตารางที่ ๔ หากจะชี้เฉพาะสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนโดยแท้ (กล่าวคือ ตั้งอยู่บน
          หลักการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ทรงสิทธิและ/หรือก�าหนดหน้าที่ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมาตรการ

          เยียวยา)  จะมีเพียงฉบับเดียวที่เข้าข่าย  คือ  อนุสัญญาต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก  (ACTIP)  ที่เพิ่งมี
          การรับรองโดยที่ประชุมผู้น�าอาเซียนครั้งที่  ๒๗  ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในเดือนพฤศจิกายน  ๒๕๕๘  ซึ่งเป็นตราสารที่ส�านัก
          เลขาธิการอาเซียนยังมิได้รวบรวมไว้ในรายชื่อตราสารที่ใช้ในการวิเคราะห์ในครั้งนี้ (เนื่องจากเพิ่งมีการรับรอง) นอกจาก

          อนุสัญญาต่อต้านการค้ามนุษย์ฯ  แล้วตราสารทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนที่เหลือประกอบด้วย  ๔  ฉบับ
          ได้แก่  อนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย  และอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการ

          ตอบสนองต่อภัยพิบัติรวม ๓ ฉบับ ได้แก่ ข้อตกลงว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ ๒๕๒๘ ซึ่งมีเนื้อหา
          ที่ก้าวหน้ามาก โดยรวมประเด็นพันธกรณีการศึกษาผลกระทบของโครงการต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental impact
          assessment) แต่ยังไม่มีผลใช้บังคับแม้ว่าจะได้มีการรับรองตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ เนื่องจากยังมีจ�านวนประเทศสมาชิกที่ให้

          สัตยาบันไม่ครบ ๖ ประเทศ ข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลภาวะจากหมอกควันข้ามพรมแดน ๒๕๔๕ และข้อตกลงอาเซียน
          ว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉิน ๒๕๔๘ ซึ่งสองฉบับหลังมีผลใช้บังคับแล้ว)



                 47  อนุสัญญาเวียนนาก�าหนดให้ “สนธิสัญญา” หมายถึง สัญญาระหว่างประเทศที่เจรจาระหว่างรัฐเป็นลายลักษณ์อักษร และอยู่

          ภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในตราสารฉบับเดียวหรือหลายฉบับ และไม่ว่าจะก�าหนดชื่อประการใด (มาตรา ๒ ย่อหน้า
          ๑ (b)) ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศในการยกร่างนิยามค�าว่า “สนธิสัญญา” ก�าหนดให้หมายถึง สัญญาระหว่างประเทศ
          ใด ๆ ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ไม่ว่าจะอยู่ในตราสารฉบับเดียวหรือหลายฉบับและไม่ว่าจะก�าหนดชื่อเฉพาะประการใด (สนธิสัญญา อนุสัญญา
          พิธีสาร กติกา กฎบัตร กฎ ข้อบัญญัติ ปฏิญญา ข้อตกลง การแลกเปลี่ยนสาส์น ข้อมติการประชุม บันทึกข้อตกลง การตกลงชั่วคราว หรือ
          ชื่ออื่นใด) ซึ่งตกลงระหว่างรัฐสองรัฐ หรือผู้ทรงสิทธิในกฎหมายระหว่างประเทศสองคนขึ้นไปและอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ
          (Brownlie’s Principles of Public International Law Edition 8  (pp 369) by James Crawford 2012, Oxford: Oxford University
                                                          th
          Press.
        66
               ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72