Page 50 - โครงการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เรื่อง "การศึกษาและตาบอดสี"
P. 50
๔
อุบัติการณ์
A. ตำพร่องสีส่วนใหญ่เป็นตั้งแต่ก ำเนิด มักเป็นทั้งสองข้ำง
( เวลำตรวจกำรมองเห็นสี จะตรวจพร้อมกันสองข้ำง )
ปัจจุบันยังรักษำไม่ได้ เช่น
1. ตำพร่องสีแดงและสีเขียว ( Red – Green Deficiency ) พบบ่อยที่สุด
ผู้ชำยพบ 7.5 – 8.0% ผู้หญิงพบ 0.5%
ถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมที่เรียก Sex linked recessive
2. ตำพร่องสีน ้ำเงิน ( Blue Deficiency )
ถ่ำยทอดทำงพันธุกรรมที่เรียก Autosomal Dominant พบน้อย
เปรียบเสมือนโทรทัศน์สมัยก่อน ที่ต้องหลอดภำพแม่สีที่เรียก RGB
คือ หลอดภำพสีแดง สีเขียว สีน ้ำเงิน เวลำที่ใช้โทรทัศน์ไปเป็นเวลำหลำยปี หลอดภำพสีจะเสื่อม
ภำพที่เห็นในโทรทัศน์จะมีสีที่ผิดเพี้ยนไป
คนที่มีอำกำรตำพร่องสีแดง สีเขียว สีน ้ำเงิน จะมีเซลรับแสงชนิดโคนหำยไป 1 ชนิด
3. ตำพร่องสีทุกสี (Total Color Blindness) หรือ ตำบอดสีที่แท้จริง
คนที่มีเซลรับแสงชนิดโคนหำยไป 2 ชนิด จะเห็นภำพเป็นสีขำวด ำ
เหมือนโทรทัศน์ขำวด ำสมัยก่อน พบได้น้อยมำก 1 : 33,000 ( 0.003% )
B. ตำพร่องส่วนน้อยเป็นภำยหลังเกิด อำจเป็นตำเดียวหรือสองข้ำงก็ได้
( เวลำตรวจกำรมองเห็นสีจึงตรวจทีละข้ำง ) เช่น
เกิดจำกยำบำงชนิดเช่นยำ Ethambutal ใช้รักษำวัณโรค,ยำ Digoxin ใช้รักษำโรคหัวใจ
ถ้ำตรวจพบและหยุดยำได้เร็ว กำรมองเห็นจะค่อยๆดีขึ้น
เกิดในผู้ที่ดื่มเหล้ำ ท ำให้ขำดวิตำมิน B complex รักษำโดยให้วิตำมิน B complex
เกิดจำกขั้วประสำทตำอักเสบ ที่เรียกว่ำOptic Neuritis
เกิดจำกโรคของจอประสำทตำ เช่น เบำหวำนขึ้นจอประสำทตำ จอประสำทตำเสื่อม
ค ำถำม รู้ได้อย่ำงไรว่ำมีอำกำรตำพร่องสี
ตอบ ใช้สมุดทดสอบISHIHARA’s Test มีแผ่นสี 38 แผ่น ตีพิมพ์เมื่อปีค.ศ. 2010
เป็นกำรตรวจเฉพำะตำพร่องสีแดงและสีเขียว ( ซึ่งพบมำกที่สุด )
แต่ไม่สำมำรถบอกระดับควำมรุนแรงของตำพร่องสีได้
ให้ผู้ถูกทดสอบอ่าน 21 แผ่นแรก
ถ้าอ่านถูก 17 แผ่นหรือมากกว่า แสดงว่า การมองเห็นสีปกติ ( Normal Color Vision )
ถ้ำอ่ำนถูกน้อยกว่ำ 17 แผ่น ให้ครูส่งเด็กนักเรียนที่โรงพยำบำลจังหวัด พบจักษุแพทย์