Page 61 - สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง กรณีการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
P. 61

ท่าทาง อันจะเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น และควรใช้ถ้อยคำาที่เป็นกลาง เพื่อไม่ให้เป็นการประจาน
                 ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น  และตามคำาสั่งสำานักงานตำารวจแห่งชาติ ที่ ๔๖๕/๒๕๕๐ เรื่อง การปฏิบัติ

                 เกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำา
                 สื่อประชาสัมพันธ์ (แก้ไขเพิ่มเติม) ที่ห้ามอนุญาตหรือจัดให้สื่อมวลชนทุกแขนงถ่ายภาพ สัมภาษณ์

                 หรือให้ข่าวของผู้ต้องหาที่อยู่ในระหว่างการควบคุมของตำารวจ ทั้งภายในและภายนอกที่ทำาการหรือ
                 สถานีตำารวจ และเหยื่ออาชญากรรม รวมทั้งภาพที่มีลักษณะอุจาดหรือทารุณโหดร้าย หรือล่วงละเมิด

                 สิทธิบุคคล หรือส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติยศ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  เว้นแต่พนักงาน
                 สอบสวนดำาเนินการเพื่อประโยชน์แห่งคดี หรือได้รับความยินยอมจากผู้ต้องหา เหยื่ออาชญากรรม

                 หรือผู้เสียหาย

                           จากการรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงของผู้แทนสำานักงานตำารวจแห่งชาติ โดยการดำาเนินการ

                 ที่ผ่านมาตั้งแต่ขณะที่เป็นกรมตำารวจได้มีการกำาชับการปฏิบัติและซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการ
                 แถลงข่าว หรือแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน ตามหนังสือกรมตำารวจ ที่ ๐๖๐๘/๔๕๔๕ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม

                 ๒๕๓๑  และจากการให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นของผู้แทนหน่วยงานต่างๆ จะเห็นได้ว่า  หน่วยงานที่
                 เกี่ยวข้องได้มีการให้ความสำาคัญในเรื่องการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบ

                 คำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน  โดยสำานักงานตำารวจแห่งชาติมีการกำาหนดหลักเกณฑ์
                 แนวทาง และวิธีปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน  แต่ในทางปฏิบัติการดำาเนินการตามคำาสั่งสำานักงานตำารวจ

                 แห่งชาติ และประมวลระเบียบการตำารวจเกี่ยวกับคดี ในการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุ
                 ประกอบคำารับสารภาพและการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยังคงประสบปัญหาเนื่องจากไม่สามารถ

                 บังคับใช้ได้อย่างเคร่งครัดและไม่สามารถดำาเนินการได้ในทุกกรณี  ทำาให้ยังคงมีการกระทำาที่ส่งผล
                 กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลให้ได้พบเห็นอยู่ในปัจจุบัน เช่น มีการทำาร้ายร่างกายผู้ต้องหา

                 จากประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์  การนำาเสนอข่าวของสื่อมวลชนขณะที่ผู้ต้องหานำาชี้ที่เกิดเหตุ
                 โดยไม่มีการปกปิดใบหน้า การให้ชื่อ–นามสกุล ที่อยู่ และข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ต้องหา  รวมทั้งการ

                 นำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในลักษณะที่เป็นการประจาน ดูหมิ่นเหยียดหยาม
                 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติยศ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นต้น  โดยการกระทำาดังกล่าว

                 ข้างต้นเป็นการกระทำาอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                 พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ มาตรา ๔๐ และมาตรา ๓๕  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๑๑

                 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ ๑๐ และข้อ ๑๔


                       ๕.๒ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
                           คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านกฎหมายและการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจึงมีมติให้มี
                 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อสำานักงานตำารวจแห่งชาติ เพื่อดำาเนินการแก้ไขปัญหาและเพื่อให้สอดคล้อง

                 กับมิติด้านสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพันธกรณี

                 ระหว่างประเทศ ที่ให้การคุ้มครองและรับรองไว้ ดังนี้




            60

            สิทธิในกระบวนการยุติธรรม และสิทธิของบุคคลในเกียรติยศและชื่อเสียง
            กรณีการนำาตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำาชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำารับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66