Page 38 - รายงานการปฏิบัติตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี
P. 38
34
บทสรุป
53. แม้ว่าประเทศไทยจะได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ตั้งแต่ปี
2550 แต่การทรมานยังคงเป็นปัญหาที่ส าคัญในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เกิด
จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการตรวจค้น ควบคุม จับกุม และคุมขัง
บุคคลไม่เป็นไปตามที่กฎหมายก าหนดและการขาดความเอาจริงเอาจังในการ
ด าเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่กระท าผิดทั้งในทางอาญาและวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง
รัฐบาลจึงควรให้ความส าคัญกับการปรับปรุงมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของ
เจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส าหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทรมานจ านวนมาก รัฐควรพิจารณา
ประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคง ได้แก่ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก
พ.ศ. 2457 และพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.
2548 ตามความจ าเป็นอย่างแท้จริงและในช่วงเวลาที่จ ากัด ในบางพื้นที่ที่
สถานการณ์ดีขึ้น รัฐควรพิจารณาประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคง
ในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติกระทบสิทธิน้อยกว่า
กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงสองฉบับที่กล่าวมาแทน นอกจากนี้ รัฐควรก าหนด
มาตรการเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถูกจับกุม และป้องกันการทรมาน
รวมถึงดูแลให้ผู้เสียหายจากการทรมานได้รับการชดเชยเยียวยาที่พอเพียงและ
เป็นธรรมให้สอดคล้องกับพันธกรณีของไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาต่อต้านการ
ทรมานฯ และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ด้วย
-------------------------------