Page 80 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 80
๖๖
ท่อขนส่งน้ํามันดิบจาก Jerlun-Kota Perdana ไปยังท่อส่งออกที่สงขลา ระยะทาง ๑๕๐ กิโลเมตร และ
ท่อส่งน้ํามันสําเร็จรูปจากโรงกลั่น Kedah-ท่อส่งออกที่สงขลา รวมระยะทาง ๑๐๐ กิโลเมตร พร้อมทั้ง
คลังสํารองน้ํามันดิบและน้ํามันสําเร็จรูปและท่อส่งออกตั้งอยู่ที่ จังหวัดสงขลา ทั้งนี้ในการวางท่อน้ํามัน
จะวางตามแนวท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย สาเหตุที่บริษัท ปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือไปยัง
SKSC เพื่อขอชะลอการลงทุนในโครงการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าความเป็นไปได้ในการลงทุนของ
โครงการยังไม่คุ้มค่าเนื่องจากโรงกลั่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ผลตอบแทนโครงการก็อยู่ในระดับต่ํา
ประมาณร้อยละ ๙ อาจมีประเด็นการไม่ยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ และมีประเด็นที่เกี่ยวด้าน
กฎหมาย โดยการใช้พื้นที่แนวท่อนี้ต้องมีการขออนุญาตใช้ Right of Way ที่อาจจะเข้าข่ายมาตรา ๑๙๐
ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ต้องนําเรื่องเสนอต่อรัฐสภาและจัดให้มีการรับฟังคามคิดเห็นของ
ประชาชน อย่างไรก็ตามทางบริษัท SKSC ยังคงมีความพยายามในการผลักดันโครงการดังกล่าว
สรุปผลการศึกษาการทบทวนโครงการที่ส่งผลต่อการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้
ส่วนใหญ่เป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยยังไม่ได้ดําเนินการผลักดันให้
เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับในหลายมิติและส่งผลกระทบในวงกว้าง รวมทั้งเงื่อนไข
การพัฒนาหลายประการโดยเฉพาะผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสังคม ซึ่งการ
ดําเนินโครงการจะต้องบริหารจัดการเพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบดังกล่าว ดังนั้นการดําเนินการจึงใช้
เวลาส่วนใหญ่กับการศึกษาและประชาสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่อง
๔.๕ กรณีร้องเรียนเรื่องแผนพัฒนาภาคใต้ที่มีต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับแผนและโครงการพัฒนาภาคใต้ ในพื้นที่ศึกษา ๔ จังหวัด ได้แก่
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ที่มีต่อคณะอนุกรรมการ
สิทธิชุมชน จํานวนทั้งสิ้น ๒๔ คําร้อง โดยมีรายละเอียดของกรณีร้องเรียนในแต่ละจังหวัด ดังนี้
๔.๕.๑ กรณีร้องเรียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
กรณีร้องเรียนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาภาคใต้ มีจํานวน
๕ คําร้อง ดังแสดงรายละเอียดไว้ในตารางที่ ๓ ซึ่งการร้องเรียนของชาวบ้านมีตั้งแต่ระดับแผนงานต่าง ๆ
ทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาคที่เป็นกลไกสําคัญในการกําหนดทิศทางการพัฒนาของจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ โดยที่ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วมในการกําหนด ได้แก่ กรณีร้องเรียนเรื่องคัดค้านแผนพัฒนา
เวสเทิร์นซีบอร์ดและแผนพัฒนาเซาเทิร์นซีบอร์ดตอนบน และแผนยุทธศาสตร์จังหวัดส่งเสริม
อุตสาหกรรมเหล็กในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (คําร้องที่ ๓๗๔/๒๕๕๑) และแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้า