Page 75 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 75
ของการใช้โทษประหารในอิรัก โดยมีการประหารชีวิตบุคคลอย่างน้อย ๑๒๙ คน เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
จากจำานวน ๖๘ คนในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งการประหารชีวิตในประเทศอิหร่านที่มีสถิติการประหารชีวิต
เป็นอันดับสองรองจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยทางการประกาศยอมรับว่ามีการประหารชีวิต
๓๑๔ ครั้ง แต่จำานวนที่แท้จริงคาดว่าอาจมากกว่านี้มาก เนื่องจากทางการไม่ยอมรับว่ามีการประหาร
ชีวิตอีกหลายครั้ง และไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ รวมทั้งความขัดแย้งในประเทศซีเรียทำาให้แทบจะ
ไม่สามารถยืนยันว่ามีการใช้โทษประหารหรือไม่ สำาหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในขณะที่สหรัฐอเมริกา
ยังคงเป็นประเทศเดียวที่ยังมีการประหารชีวิตบุคคลในทวีปอเมริกา โดยมีจำานวนการประหารชีวิต
๔๓ ครั้ง เท่ากับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ แต่รัฐที่ประหารชีวิตคนเพียง ๙ รัฐเปรียบเทียบกับ ๑๓ รัฐ ในปี
พ.ศ. ๒๕๕๔ คอนเนตทิคัตเป็นรัฐที่ยกเลิกโทษประหารลำาดับที่ ๑๗ ส่วนที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย
กฎหมายที่กำาหนดให้ยกเลิกโทษประหารยังไม่ผ่านการรับรอง ส่วนประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ
ในแถบทะเลแคริบเบียนยังคงปลอดจากการประหารชีวิต โดยมีข้อมูลว่ามีการลงโทษประหาร
เพียง ๑๒ ครั้ง ใน ๓ จาก ๑๒ ประเทศ ในอนุภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ทวีปแอฟริกาส่วนที่ต่ำากว่า
ทะเลทรายสะฮาราลงมามีความคืบหน้าเพิ่มเติมที่มุ่งไปสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิต โดยประเทศ
เบนินดำาเนินการทางนิติบัญญัติเพื่อยกเลิกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนประเทศกานามีแผนยกเลิก
โทษประหารชีวิตในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และจะไม่มีนักโทษประหารชีวิตในเซียร์ราลีโอนอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการใช้โทษประหารเพิ่มขึ้นอย่างมากในภูมิภาคนี้ นับแต่ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕
โดยเป็นผลมาจากตัวเลขที่มีการประหารชีวิตเพิ่มขึ้นในประเทศซูดานและแกมเบีย โดยใน
เดือนสิงหาคมมีการประหารชีวิตบุคคล ๙ คนในประเทศแกมเบีย ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสาม
ทศวรรษ แม้จะมีเสียงร้องเรียนจากนานาชาติ ประธานาธิบดียายา จัมเมห์ (President Yahya Jammeh)
ได้ประกาศยอมให้มีความตกลงเพื่อยุติการใช้โทษประหารชั่วคราว “อย่างมีเงื่อนไข” กล่าวคือ
อาจมีการ “ยกเลิกโดยอัตโนมัติ” ในกรณีที่อัตราการก่ออาชญากรรมเพิ่มสูงขึ้น ส่วนในประเทศซูดาน
มีการประหารชีวิตเกิดขึ้นจริงจำานวน ๑๙ ครั้ง และมีการลงโทษประหาร ๑๙๙ ครั้งเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตาม ประเทศเบลารุสยังเป็นประเทศเดียวในยุโรปและเอเชียกลางที่มีการประหาร
ชีวิตบุคคล และมีการเก็บข้อมูลการประหารชีวิตอย่างเข้มงวด โดยมีผู้ชายอย่างน้อยสามคนที่ถูก
ประหารชีวิตในปี พ.ศ. ๒๕๕๕
ประเทศลัตเวียเป็นประเทศลำาดับที่ ๙๗ ในโลกที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำาหรับความผิด
ทางอาญาทุกประการ หลังจากตัดโทษประหารออกไปจากกฎหมายในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕
สำาหรับเหตุผลที่ผู้สนับสนุนต่อการใช้โทษประหารชีวิตมักอ้างถึง คือ การระบุว่าโทษ
ประหารชีวิตมีผลในเชิงป้องปรามต่อการก่ออาชญากรรม อย่างไรก็ตาม จากงานศึกษาชิ้นสำาคัญ
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีข้อสรุปว่า ไม่สามารถใช้ข้ออ้างเรื่องการป้องปราม
เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้โทษประหารได้
“รัฐบาลที่ยังประหารชีวิตบุคคลอยู่แทบไม่มีเหตุผลที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง
ไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่ชี้ว่าโทษประหารจะมีผลเป็นการเฉพาะ ในแง่การป้องปรามไม่ให้คนก่อ
62 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ