Page 67 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 67
ชีวิต จำานวน ๓ ล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยเป็นค่าใช้จ่ายที่มากกว่าขณะที่ไม่มีโทษประหารชีวิตจำานวน
๒ ล้านดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายสำาหรับการใช้โทษประหารในการข่มขู่ยับยั้งอาชญากรรม
ไม่ได้ก่อให้เกิดการข่มขู่ยับยั้งแต่ประการใด ในขณะที่มลรัฐที่มีการใช้โทษประหาร เช่น มลรัฐเท็กซัส
(Texas) และ มลรัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma) มีอัตราการเกิดอาชญากรรมมากกว่ามลรัฐที่มีการใช้โทษ
จำาคุกตลอดชีวิตโดยไม่การพักการลงโทษ นอกจากนี้ มลรัฐโคโลราโด (Colorado) หลังจากที่มี
การยกเลิกโทษประหารชีวิตสามารถประหยัดงบประมาณได้มากกว่าขณะที่ใช้โทษประหารชีวิต รวมทั้ง
การยกเลิกโทษประหารชีวิตในมลรัฐแคนซัส (Kansas) สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ
๕๐๐,๐๐๐ ดอลล่าร์สหรัฐ จากทุกคดีในกรณีที่ยังไม่มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต (The death penalty
saving lives and money, 2009) นอกจากนี้ การใช้โทษประหารชีวิตจะเป็นสร้างความแปลกแยก
ให้แก่ชนกลุ่มน้อยหรือผู้ที่มีฐานะยากจน และเป็นการล่วงละเมิดในชีวิตของผู้กระทำาผิด (Capital
Punishment, 2008)
สำาหรับการประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ถือว่าเป็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรม
ในการลงโทษผู้กระทำาผิด โดยมีผู้ที่ถูกประหารชีวิตจำานวนหนึ่งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ ดังจะเห็นได้จาก
มีผู้ต้องโทษประหารชีวิตจำานวน ๓๙ คน ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้ค้นพบพยานหลักฐานว่า
เป็นผู้บริสุทธิ์ หรือมีปัญหาข้อสงสัยในความผิดที่ได้กระทำาลงไป นับตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๙๒ ปรากฏว่า
การใช้พยานหลักฐานจากการตรวจพิสูจน์สารทางพันธุกรรม (DNA) ทำาให้นักโทษประหารชีวิต
จำานวน ๑๕ คน กลายเป็นผู้บริสุทธิ์แต่การใช้หลักฐานจากการตรวจพิสูจน์สารทางพันธุกรรม (DNA)
เป็นเพียงส่วนน้อยของนักโทษประหาร นอกจากนี้ ในประเทศอังกฤษได้มีการทบทวนพิจารณาถึง
โทษประหารชีวิตใหม่ ปรากฏว่านักโทษประหารชีวิต ๑ คน ได้รับการอภัยโทษ และนักโทษประหาร
ชีวิต ๓ คน พ้นผิดจากคดีที่ต้องโทษประหารชีวิตในระหว่างปี ค.ศ. ๑๙๕๐ – ๑๙๕๓ (Capital
Punishment, 2008)
๒) สภ�พก�รณ์ปัจจุบันและแนวท�งในอน�คตต่อก�รยกเลิกก�รใช้โทษ
ประห�รชีวิต
สภาพการณ์ปัจจุบันและแนวทางในอนาคตต่อการยกเลิกการใช้โทษประหาร
ชีวิตของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ประกอบด้วย
๒.๑) วิวัฒน�ก�รและพัฒน�ก�รในก�รยกเลิกโทษประห�รชีวิต
แนวความคิดในการยกเลิกโทษประหารชีวิตได้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ในปลายศตวรรษที่ ๑๘ เมื่อแนวคิดเรื่องอรรถประโยชน์นิยม (Utilitarian) และมนุษยนิยม (Humanistic)
ได้เจริญรุ่งเรืองในยุโรป โดยเริ่มจากในปี ค.ศ. ๑๗๖๔ ซีซาร์ เบ็คคาเรีย (Cesare Beccaria)
นักอาชญาวิทยาชาวอิตาเลียน ได้เขียนบทความภาษาอิตาเลียนซึ่งเป็นผลงานชิ้นสำาคัญในหนังสือชื่อ
“Dei delitti e delle pene” ตรงกับความหมายในภาษาอังกฤษว่า “On Crimes and Punishments”
ซึ่งเป็นบทความที่จุดประกายความคิดของนักปราชญ์ในอิตาลีและทั่วภาคพื้นยุโรป
54 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ