Page 110 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 110

สถานที่สาม ให้ปรับ
                                     สถานที่สี่  ให้อยู่ภายในเขตอันมีจำากัด

                                     สถานที่ห้า  ให้ริบทรัพย์

                                     สถานที่หก  ให้เรียกประกันทัณฑ์บน
                                     สำาหรับการประหารชีวิต  มาตรา  ๑๓  บัญญัติไว้ว่า  “ผู้ใดต้องคำาพิพากษา
                     ให้ลงโทษประหารชีวิต  ท่านให้เอามันไปตัดศีรษะเสีย”  ส่วนความผิดที่จะลงโทษประหารชีวิต

                     ตามกฎหมายนี้  แบ่งตามลักษณะความผิดอันลงโทษประหารชีวิตในกฎหมายลักษณะอาญา

                     ร.ศ. ๑๒๗ มีดังนี้
                                     ๑) ความผิดฐานประทุษร้ายต่อพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชตระกุล
                                     ๒) ความผิดฐานประทุษร้ายต่อนายกรัฐมนตรี

                                     ๓) ความผิดฐานกบฏภายในราชอาณาจักร

                                     ๔) ความผิดฐานกบฏภายนอกราชอาณาจักร
                                     ๕) ความผิดทางพระราชไมตรีกับต่างประเทศ
                                     ๖) ความผิดฐานประทุษร้ายแก่ชีวิต

                                     ๗) ความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้เขาถึงแก่กรรม



                                     พระร�ชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหม�ยลักษณะอ�ญ� พ.ศ. ๒๔๗๗
                                     หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ทางรัฐบาลจึงได้นำา

                     ปัญหาวิธีการประหารชีวิตขึ้นมาวิเคราะห์แก้ไขใหม่  โดยได้ข้อสรุปว่าให้เปลี่ยนวิธีการประหารชีวิต

                     จากวิธีฟันคอด้วยดาบเป็นการยิงปืนประหาร  จึงมีการประกาศเพิ่มเติมใหม่  เมื่อปี  พ.ศ.  ๒๔๗๗
                     แก้ไขกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๓ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน” “ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต
                     ให้เอาไปยิงเสียให้ตาย”




                                     ประมวลกฎหม�ยอ�ญ� พ.ศ. ๒๔๙๙
                                     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ได้มีพระราชดำาริ
                     ปรับปรุงกฎหมายอาญาใหม่ เพราะตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. ๒๔๕๑ (ร.ศ. ๑๒๗)

                     เป็นต้นมา บ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปมาก จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวล

                     กฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๔๙๙ ขึ้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๐ เป็นต้นมา
                                     ตามประมวลกฎหมายอาญา โทษประหารชีวิตใช้เฉพาะความผิดร้ายแรงเท่านั้น
                     โดยสามารถจำาแนกลักษณะที่ชัดเจนได้ ดังนี้

                                       ๑) ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำาเร็จราชการ

                                          แทนพระองค์
                                       ๒) ความผิดต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร






                                                                       โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 97
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115