Page 461 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 461
การตราพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกาตามวรรคสองให้มีแผนที่แสดงเขตที่ดินแนบท้าย
พระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกานั้นด้วย
มาตรา 8 ทวิ ที่ดินของรัฐซึ่งมิได้มีบุคคลใดมีสิทธิครอบครอง หรือที่ดินสําหรับพลเมืองใช้
ร่วมกันซึ่งได้ถอนสภาพตามมาตรา 8 (1) แล้ว รัฐมนตรีมีอํานาจที่จะจัดขึ้นทะเบียนเพื่อให้ทบวง
การเมืองใช้ประโยชน์ในราชการได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในกฎกระทรวง
ก่อนที่จะจัดขึ้นทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้มีการรังวัดทําแผนที่ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ท้องที่ประกาศการจัดขึ้นทะเบียนให้ราษฎรทราบมีกําหนดสามสิบวัน ประกาศให้ปิดในที่เปิดเผย ณ
สํานักงานที่ดิน ที่ว่าการอําเภอหรือที่ว่าการกิ่งอําเภอ ที่ทําการกํานัน และในบริเวณที่ดินนั้น
การจัดขึ้นทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีแผนที่แนบ
ท้ายประกาศด้วย
1.5 กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน ส.ป.ก. เช่นพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518
สาระสําคัญในเนื้อหาของกฎหมายเหล่านี้ ดูได้จากบทวิจัยและหัวข้อการละเมิดสิทธิที่ดินแต่ละ
ประเภท
2. มติคณะรัฐมนตรี
2.1 มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2525 (แก้ไข เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2526,
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2526, และเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2527) เรื่อง นโยบายการใช้และ
กรรมสิทธิ์ที่ดิน
ในปี 2504 ได้มีการประกาศใช้นโยบายการใช้ที่ดินและกรรมสิทธิ์ของประเทศเป็นครั้งแรก
โดยเริ่มจากการจําแนกประเภทที่ดินอย่างกว้างขวางในพื้นที่ทั่วประเทศ เนื้อที่ประมาณ 320.7 ล้านไร่
ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ พื้นที่ทําการเกษตร ที่อยู่อาศัย และอื่นๆ เนื้อที่ประมาณ 160.35 ล้านไร่
่
และปาไม้ถาวร เนื้อที่ประมาณ 160.35 ล้านไร่ ภายใต้กรอบนโยบายดังกล่าวได้มีหน่วยงานราชการ
รับผิดชอบดําเนินการกับการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดินในลักษณะต่างๆ กัน ซึ่งปรากฏผล ดังนี้
1. ในพื้นที่ทําการเกษตร 160.35 ล้านไร่ กรมที่ดินได้ออกเอกสารสิทธิ์ให้ตามหลักการบุกรุก
และโดยที่รากฎว่าราษฎรเข้าบุกเบิกพื้นที่กันเป็นจํานวนมาก จึงมีโครงการเร่งรัดการออกหนังสือ
รับรองการทําประโยชน์ (น.ส.3) ขึ้น แต่ปรากฏว่า มีพื้นที่ที่ออกเอกสิทธิ์ได้ ยังตกค้างการออกเอกสาร
สิทธิ์ประมาณ 30 ล้านไร่
่
่
่
2. ในพื้นที่ปาไม้ถาวร 160.35 ล้านไร่ กรมปาไม้ได้ประกาศเขตปาสงวนแห่งชาติ เขตวน
่
อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ปา และอื่นๆ ได้พื้นที่ประมาณ 123 ล้านไร่ แต่ปรากฏว่า มี
่
่
่
พื้นที่ปาไม้ถาวรที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นปาสงวนแห่งชาติอีกประมาณ 30 ล้านไร่ เรียกว่า ปา
เตรียมการสงวน
8‐26