Page 436 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 436
8. การละเมิดสิทธิในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
8.1 ความเป็นมาและภาพรวมสถานการณ์ปัญหา
ั
สถานการณ์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปญหาเกี่ยวกับการถือครองที่ดินของราษฎร
ั
ั
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปญหาการเช่าที่ดิน เป็นปญหาที่เรื้อรังมานานมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อ
พิจารณาจากสัดส่วนการขยายตัวระหว่างพื้นที่นากับประชากรในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การ
ขยายพื้นที่นาเริ่มเป็นไปได้ยากมากขึ้น เนื่องจากที่ดินสาหรับบุกเบิกจับจองส่วนใหญ่เป็นที่ดินเหมาะ
สาหรับพืชไร่ อันทําให้เนื้อที่เพาะปลูกข้าวขยายตัวในอัตราที่เชื่องช้าลงมาก ดังปรากฏว่า อัตราการ
ขยายตัวของเนื้อที่เพาะปลูกข้าวตั้งแต่ พ.ศ. 2490 จนถึง พ.ศ. 2500 ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.70 ต่อปี
ขณะที่จํานวนประชากรในประเทศไทยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ระหว่างปี พ.ศ. 2490 – 2503)
กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณร้อยละ 2.5-3.0 ในช่วงปี พ.ศ. 2490-2503 โดยปี พ.ศ. 2490
ประชากรของไทยเท่ากับ 17.5 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็น 26.3 ล้านคนในปี พ.ศ. 2503 อัตราการ
ขยายตัวของเนื้อที่เพาะปลูกข้าวที่ตํ่ากว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรโดยเฉพาะในภาคชนบท ส่งผล
ให้ครอบครัวชาวนาต้องแบ่งซอยที่ดินของตนเป็นผืนย่อยๆ ให้แก่สมาชิกในครอบครัว ทําให้ขนาดการ
ถือครองที่ดินของราษฎรโดยเฉพาะในพื้นที่นาข้าวมีขนาดที่ค่อยๆ เล็กลง ขนาดที่ดินที่เล็กลงนี้น่าจะ
ส่งผลต่อการผลิตของชาวนาที่ลดลงไปด้วย เนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตของชาวนาไทยสัมพันธ์กับ
ขนาดของที่ดินเพาะปลูก ภาวะดังกล่าวจึงส่งผลถึงรายได้ของชาวนาจากการขายข้าวที่ลดลงไปด้วย
อันเป็นแรงผลักดันให้ชาวนาต้องแสวงหาที่ดินเพิ่มเติมให้เพียงพอกับการเลี้ยงครอบครัว ถึงแม้ว่า
ชาวนาจะมีโอกาสที่จะเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกของตนด้วยวิธีการจับจองที่ดิน รกร้างว่างเปล่า แต่จาก
รายงานของกระทรวงมหาดไทยกลับพบว่า ในช่วงทศวรรษ 2490 ราษฎรทําการจับจองที่ดินได้โดย
่
่
ยาก เนื่องจากที่ดินที่ราษฎรจะจับจองนั้น มักจะอยู่ในพื้นที่เขตปาสงวนหรือปาคุ้มครอง ส่วนที่ดินที่รัฐ
เปิดให้ราษฎรจับจองกลับปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่หรือคนที่มีเงินทุนเข้าไปจับจองทีละมากๆ ก่อนที่ราษฎร
จะเข้าไปจับจองดังนั้นในช่วงทศวรรษ 2490 ชาวนาจึงมีแนวโน้มในการแสวงหาที่ดินเพาะปลูกเพิ่มเติม
ด้วยวิธีเช่าที่ดินมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เพาะปลูกในภาคกลาง ซึ่งหากพิจารณาจากการ
สํารวจหมู่บ้านบางชัน ในปี พ.ศ. 2492 กับปี พ.ศ. 2496 พบว่ามีผู้เช่าบางส่วนเพิ่มขึ้นชัดเจนจาก
32.69 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2492 เป็น 40.76 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2496
ต่อมาในปี พ.ศ.2494 รัฐบาลจอมพล ป. มีการผลักดันนโยบายส่งเสริมให้ราษฎรมีที่ดินทํา
กิน โดยการแต่งตั้ง“คณะกรรมการจัดสรรที่ดินและเคหะสถานให้แก่ราษฎร” ขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม
2494 โดยมีจอมพล ป. เป็นประธานกรรมการ ซึ่งจากการพิจารณาของคณะกรรมการได้วางหลักการ
เกี่ยวกับที่ดินไว้ 3 ประการ คือ
8‐1