Page 6 - เสียงจากชุมชน : ข้อกังวลเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและโครงการที่เกี่ยวข้อง
P. 6
การวิจัยครั้งนี้ค้นพบความผิดพลาดอย่างร้ายแรงใน ชดเชย การอพยพโยกย้ายและการเยียวยาฟื้นฟูที่เพียงพอ ทําให้
กระบวนการยืดเวนคืนที่ดินและการจ่ายค่าชดเชย ประการแรก วิถีการดํารงชีพและความอยู่รอดของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ
ชุมชนที่สํารวจ ได้รับข้อมูลอย่างจํากัด เกี่ยวกับโครงการเขต ต้องตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้าน
เศรษฐกิจพิเศษทวายและการอพยพโยกย้ายชาวบ้าน สองในสาม มาตรฐานความเป็นอยู่อย่างพอเพียงในการดํารงชีวิต โครงการ
ของครัวเรือนที่สํารวจ (66 เปอร์เซ็นต์) ไม่ได้รับข้อมูลใด ๆ จาก เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายได้ดําเนินการโดยไม่ได้รับความยินยอม
ทั้งรัฐบาลและบริษัท สําหรับชาวบ้านที่ได้รับข้อมูลจากรัฐบาล ที่เป็นอิสระ ล่วงหน้า และได้รับข้อมูลเพียงพอ (Free Prior and
หรือบริษัท ส่วนใหญ่ (ประมาณสามในห้าของครัวเรือน) ระบุว่า Informed Consent – FPIC) จากชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระ
ได้รับเพียงข้อมูลผลกระทบเชิงบวกและผลประโยชน์จาก ทบ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิชนพื้นเมืองดั้งเดิม งานวิจัยและการ
โครงการ มีเพียง 3 เปอร์เซ็นต์จากครัวเรือนที่สํารวจทั้งหมดที่รับ วิเคราะห์ฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า หุ้นส่วนต่าง ๆ ของโครงการไม่ได้
รู้ว่า จะมีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมนํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ ปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมาย มาตรฐาน และความรับผิด
และปิโตรเคมี ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ชอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับระหว่างประเทศ ภูมิภาค และ
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นองค์ประกอบหลักของแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจ ภายในประเทศ รวมถึงมาตรฐานสากลว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐาน
พิเศษทวาย โดยไม่สมัครใจ
ประการที่สอง ไม่มีการปรึกษาหารือที่มีความหมาย เช่นเดียวกับประเทศกําลังพัฒนาอีกหลายประเทศ
กับผู้ได้รับผลกระทบ มีเพียง 27 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถูกสํารวจที่ระบุ ประเทศเมียนมาร์ยังคงขาดกฎหมายที่เพียงพอในการควบคุม
ว่า ได้เข้าร่วมประชุมที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงานของโครงการ การลงทุนอุตสาหกรรมและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ในฐานะเพื่อน
ชาวบ้านผู้เข้าร่วมในการสนทนากลุ่มได้อธิบายว่า การประชุมดัง บ้านที่ดี รัฐบาลไทยจําเป็นต้องสร้างหลักประกันว่า การลงทุนจะ
กล่าวเป็นเพียงการนําเสนอข้อมูลแบบ “ทางเดียว” และสําหรับ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่าง
ชาวบ้านที่เข้าร่วมในการประชุม พบว่า 82 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มี ประเทศทั้งในเรื่องการบังคับโยกย้ายออกจากพื้นที่ สิทธิการเข้า
ส่วนร่วมในการพูดคุยอภิปรายในวงประชุม ส่วนใหญ่เป็นเพราะ ถึงแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยที่เพียงพอ และสิทธิชนพื้นเมือง
ว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หรือไม่มีโอกาสได้ตั้งคําถาม รัฐบาลไทยควรดําเนินการตรวจสอบและบังคับใช้มาตรการที่
ในที่ประชุม มีครัวเรือนเพียง 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยินยอมให้ เหมาะสมต่อบริษัทต่าง ๆ ของไทยที่ดําเนินโครงการพัฒนาโดย
รัฐบาลก่อสร้างก่อนโครงการเริ่มขึ้น ละเมิดสิทธิมนุษยชนของชุมชน ไม่ว่าบริษัทของไทยเหล่านั้นจะ
ประการที่สาม กระบวนการจ่ายค่าชดเชยมีข้อผิด ดําเนินงานอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม
พลาดร้ายแรง การคํานวนและการจ่ายค่าชดเชยไม่ยุติธรรม ไม่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทยและเมียนมาร์
โปร่งใส และไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการจ่ายค่าชดเชยทั้งหมด ควรร่วมมือดําเนินการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยความ
ต่อสาธารณะ ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์จากครัวเรือนทั้งหมดที่ถูก โปร่งใส มีความสมํ่าเสมอ และทันท่วงทีต่อการร้องเรียนเรื่องการ
สํารวจให้ข้อมูลว่าได้รับค่าชดเชย พบว่าสี่ในห้าของผู้ที่ได้รับค่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการยึดครองที่ดิน
ชดเชย ยังมิได้รับค่าชดเชยครบถ้วนทั้งหมด และยังคงรอการ และการบังคับขับไล่ชาวบ้านออกจากที่ดิน อันเป็นผลสืบเนื่อง
จ่ายให้ครบตามจํานวน มีผู้ที่ได้รับค่าชดเชยเพียง 9 เปอร์เซ็นต์ที่ มาจากกิจกรรมหรือการดําเนินการของโครงการเขตเศรษฐกิจ
ได้รับเอกสารการจ่ายค่าชดเชยอย่างเป็นทางการ ซึ่งบ่งชี้ถึงความ พิเศษทวายที่ดําเนินงานโดยบริษัทต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย และ
เป็นไปได้สูงในการทุจริตคอร์รัปชั่น นอกจากนี้ จํานวนเงินที่ชาว เมียนมาร์
บ้านได้รับมาโดยส่วนมากไม่เพียงพอต่อการดํารงชีวิตในอนาคต ความล้มเหลวเชิงระบบในการดําเนินงานช่วงแรก
ของครอบครัว การจัดการพื้นที่รองรับชาวบ้านที่ต้องถูกอพยพยัง ของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ได้สร้างความยากลําบาก
ไม่เพียงพอ เนื่องจากพบว่าชาวบ้านที่ถูกอพยพมีมาตรฐานการ ให้กับผู้ได้รับผลกระทบ ชาวบ้านจํานวนมากได้แสดงความรู้สึก
ครองชีพตํ่าลงจากเดิมมาก และในบางกรณี ครอบครัวที่โยกย้าย ลึก ๆ ถึงความไม่เป็นธรรมที่โครงการกระทํากับพวกเขา ชาวบ้าน
ไปแล้วกลับต้องประสบกับสภาพการณ์ที่ยากลําบากยิ่ง กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้ต่อต้านการพัฒนา แต่ต้องการการพัฒนา
ผู้สนับสนุนและหุ้นส่วนในโครงการนี้ โดยเฉพาะรัฐบาล ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม รัฐบาลและหน่วยงาน
เมียนมาร์และรัฐบาลไทย มีพันธกรณีทางกฎหมายที่ต้องเคารพ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการควรคํานึงถึงข้อกังวลชาวบ้านอย่าง
และปกป้องสิทธิมนุษยชนของชุมชนและบุคคลผู้ได้รับผลกระ จริงจัง และดําเนินการเพื่อนําไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วย
ทบจากโครงการ ผู้ที่รับผิดชอบในโครงการยังคงไม่สามารถ การยกระดับความมั่นคงในการดํารงชีพของชุมชนท้องถิ่นและ
พิจารณาหรือให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบได้เข้าไปมีส่วนร่วมใน ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
กระบวนการตัดสินใจและการพัฒนา การปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้าน
เข้าถึงพื้นที่ทํากินของตนและที่ดินอื่น ๆ โดยมิได้จัดการเรื่องค่า
06