Page 90 - รายงานฉบับสมบูรณ์ นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย-พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม
P. 90
๘๑
รายงานศึกษาวิจัย “นโยบายการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนชายแดนไทย – พม่า : กรณีผู้อพยพจากภัยสงคราม”
สถานที่ที่เหมาะสมส าหรับการส่งกลับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งผู้ลี้ภัยล่วงหน้าเป็นระยะเวลาพอสมควร
เพื่อให้เตรียมพร้อมส าหรับการเดินทางกลับ โดยเจ้าหน้าที่จะต้องให้ข้อมูลสถานการณ์ในประเทศต้นทาง
และแจ้งให้ผู้ลี้ภัยทราบถึงช่องทางการคัดค้านการส่งกลับ
นอกจากจะก าหนดว่าประเทศไทยจะส่งผู้ลี้ภัยกลับต่อเมื่อสถานการณ์ในประเทศต้นทางมีความ
ปลอดภัยแล้ว ในระหว่างที่ผู้ลี้ภัยยังพักพิงอยู่ในประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ
และหน่วยงานภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ควรให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ลี้ภัย โดยจัดหาที่พัก
เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และยารักษาโรค และปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยโดยสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม เพื่อให้
ผู้ลี้ภัยเหล่านี้มีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทย
๔
จากการลงพื้นที่ ส ารวจในอ าเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พบว่าบริบทและลักษณะของการ
อพยพลี้ภัยการสู้รบจากประเทศเมียนมาร์นั้นเปลี่ยนแปลงไป คือเป็นการอพยพเข้ามาในประเทศไทย
เพียงชั่วคราว และผู้ลี้ภัยบางส่วนเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับประเทศไทย เช่น ได้ส่งบุตรเข้ามา
เรียนในโรงเรียนของไทย, ได้เข้ามาท างานโรงงานในประเทศไทย การให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงาน
ภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และหน่วยงานภาคประชาสังคม จึงเป็นการให้ความช่วยเหลือใน
ระยะเวลาสั้น และความช่วยเหลือดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อสถานการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมาร์ยุติลง
และผู้ลี้ภัยสามารถเดินทางกลับประเทศเมียนมาร์ได้โดยปลอดภัย
นอกจาก หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคประชาสังคมและองค์กรระหว่างประเทศควรร่วมมือกัน
ในการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของผู้ลี้ภัยแล้ว หน่วยงานความมั่นคง ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งซึ่งมีบทบาท
ส าคัญในการดูแลผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดน หน่วยงานความมั่นคงจึงควรปรับวิธีการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยให้
สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ความมั่นคงมนุษย์ และบริบทในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ด้วย
๔ บทที่ ๓ สถานการณ์การอพยพลี้ภัยการสู้รบชายแดนไทย-พม่า.รายงานการวิจัยฉบับนี้