Page 118 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน ฉบับสมบูรณ์
P. 118

กำรตัดสินใจว่ำจะมีบุตรหรือไม่และจะมีเมื่อใด มำกไปกว่ำนั้นกฎหมำยอำญำที่เกี่ยวข้องกับกำรยุติกำร

               ตั้งครรภ์ที่ถือว่ำเป็นอีกสิทธิหนึ่งของอนำมัยเจริญพันธุ์ยังจัดให้เป็นอำชญำกรรมประเภทหนึ่ง แม้ว่ำ
               กฎหมำยจะมีช่องว่ำงให้ตีควำมเพื่อให้กำรท ำแท้งสำมำรถท ำได้อย่ำงถูกกฎหมำย เช่น ผู้ที่จะท ำแท้งยุติกำร

               ตั้งครรภ์ได้ จะต้องอยู่บนเงื่อนไขที่กำรตั้งครรภ์นั้นเกิดจำกกำรถูกข่มขืนกระท ำช ำเรำ กำรตั้งครรภ์ส่งผลเสีย

               ต่อสุขภำพร่ำงกำยและจิตใจอย่ำงรุนแรง หรือในกรณีที่ผู้หญิงนั้นอำยุต ่ำกว่ำ  ๑๕ ปี อย่ำงไรก็ตำมในทำง

               ปฏิบัติ พบว่ำสร้ำงปัญหำต่อเยำวชนหญิงตั้งครรภ์อย่ำงมำก เพรำะกำรตีควำมในกำรให้บริกำรยุติกำร

               ตั้งครรภ์อยู่ที่แพทย์ ผู้ให้บริกำรเป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่เจ้ำของครรภ์เอง และส่วนใหญ่มักปฎิเสธที่จะให้บริกำร
               (องค์กรแพธ และ ส ำนักบริหำรกำรสำธำรณสุข กระทรวงศึกษำธิกำร, ๒๕๕๕)

                       รวมทั้ง พ.ร.บ.  คุ้มครองเด็ก (๒๕๔๖) ในมาตรา ๒๒ ระบุว่ำ “การปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่ากรณีใด ให้

               ค านึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นส าคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม...” ก็ไม่ได้ให้

               ควำมส ำคัญกับกำรตั้งครรภ์ของเยำวชน ทั้งกำรด ำรงครรภ์หรือยุติครรภ์ แม้ว่ำ “เด็ก” ตำม พ.ร.บ. ส่งเสริม

               กำรพัฒนำเด็กและเยำวชนแห่งชำติ (๒๕๕๐) หมำยถึงบุคคลซึ่งมีอำยุต ่ำกว่ำ ๑๘ ปีบริบูรณ์ ซึ่งอยู่ในวัย
               เจริญพันธุ์แล้วก็ตำม สะท้อนให้เห็นว่ำรัฐไทยยังคงแยกเด็กและเยำวชนออกจำกเรื่องกำรเจริญพันธุ์

               อนำมัยเจริญพันธุ์ รวมทั้งสิทธิอนำมัยเจริญพันธุ์

                       ดังนั้นแม้รัฐไทยจะคุ้มครองสิทธิของเยำวชน สิทธิในกำรมีชีวิตอยู่อย่ำงมีศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์

               (Rights  to  Life), สิทธิในควำมเป็นส่วนตัว  (Rights  to  Privacy), สิทธิในกำรได้รับข้อมูลข่ำวสำรและ
               กำรศึกษำ  (Rights  to  Information  and  Education), สิทธิในกำรดูแลและป้ องกันสุขภำพ  (Rights  to

               Health Care and Health Protection) อย่ำงเสมอภำคโดยไม่ค ำนึงว่ำเยำวชนผู้นั้นตั้งครรภ์หรือไม่ก็ตำม

               แต่ไม่ได้หมำยควำมว่ำกฎหมำยรัฐไทยจะเปิดโอกำสและคุ้มครองสิทธิในกำรตัดสินใจว่ำจะมีบุตรหรือไม่

               และจะมีเมื่อใด (Rights  to  Decide  Whether  or  When  to  Have  Children  or   Rights  to  Self-
               determination) โดยเฉพำะสิทธิในกำรยุติกำรตั้งครรภ์

                       ดังนั้นจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่รัฐไทยควรอนุญำตให้ผู้หญิง เยำวชนหญิงมีสิทธิในกำรยุติกำรตั้งครรภ์ใน

               ฐำนะที่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐำนและสิทธิอนำมัยเจริญพันธุ์ แม้ว่ำกฎหมำยอำญำมำตรำ ๓๐๑-๓๐๕

               ที่ถือว่ำกำรท ำแท้งเป็นอำชญำกรรม สอดคล้องกับกรอบศีลธรรมส่วนใหญ่ของประชำชนในรัฐ ที่กำรฆ่ำ

               กำรท ำลำยชีวิตเป็นสิ่งผิดบำป เป็นควำมรุนแรงโหดร้ำยก็ตำม ทว่ำรัฐไทยได้เข้ำเป็นภำคีกติกำระหว่ำง
               ประเทศว่ำด้วยสิทธิทำงเศรษฐกิจ  สังคม  และวัฒนธรรมเมื่อ  ๕  กันยำยน  ๒๕๔๒ และมีผลใช้บังคับ  ๕

               ธันวำคม ๒๕๔๒ ที่ภำค ๒ ข้อ ๕ ระบุห้ำมกำรจ ำกัดหรือลิดรอนสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐำนที่ได้รับกำรรับรอง

               หรือที่มีอยู่ในประเทศใด  โดยอำศัยอ ำนำจของจำรีตประเพณี  (กติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิทำง

               เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม, ๒๕๕๕) ในกำรศึกษำกฎหมำยไทยที่มีต่อสิทธิมนุษยชนของเยำวชนหญิง
               ตั้งครรภ์ครั้งนี้ จึงได้มีข้อเสนอแนะต่อกำรปรับแก้กฎหมำยในเชิงโครงสร้ำงคือ รัฐไทยจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่








                                                                                                      ๑๑๗
   113   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123