Page 50 - พระมหากษัตริย์กับงานสิทธิมนุษยชน
P. 50
พระราชดำาริที่ให้ บ้าน วัด โรงเรียน ได้ทำากิจกรรมร่วมกันเพื่อประโยชน์ของสังคมมากขึ้นนั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำารัส เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๒๔ ความว่า
“การศึกษาที่สมบูรณ์ครบถ้วนทั้งส่วนวิชาการและส่วนศีลธรรมจรรยานั้น
เป็นสิ่งสำาคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นรากฐานและปัจจัยเครื่องส่งเสริมให้บุคคลสามารถ
พัฒนาตัวเองได้อย่างแท้จริง คือ เมื่อทุกคนมีความรู้พร้อมทั้งมีศีลธรรมอันดีงาม ย่อม
สามารถทำางานหาเลี้ยงชีพและดำารงชีวิตอยู่โดยสวัสดีและมั่นคงได้ และผู้ที่ตั้งตัวได้
มั่นคงเช่นนี้ ย่อมสามารถสร้างฐานะและความเป็นอยู่ดีมีสุขให้แก่ตัวและครอบครัวได้
ดีขึ้นเป็นลำาดับ ยิ่งกว่านั้นยังจะสามารถเผื่อแผ่ความดีความเจริญของตัวให้เป็น
ประโยชน์ถึงส่วนรวมได้อีกด้วย ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะร่วมมือร่วมความเพียร
พยายามกัน ดำาเนินงานด้านการศึกษาต่อไปโดยเต็มกำาลังเพื่อพัฒนาอนุชนของเราให้
ได้ผลอย่างแท้จริง ชาติบ้านเมืองจักได้เจริญมั่นคงอยู่ตลอดไป”
พระราชดำารัสดังกล่าวนี้ ทรงเน้นให้เห็นว่ากิจกรรมระหว่าง บ้าน (ครอบครัว) วัด (ศีลธรรม)
โรงเรียน (การศึกษา) นั้นอยู่ในหลัก “อยู่ดีมีสุข” “พอดีและพอเพียง” ตามแนวพระราชดำาริ ซึ่งเป็น
หลักมัชฌิมาปฏิปทาในพระพุทธศาสนา ทำาให้เกิดชุมชนตัวอย่างในการศึกษาอบรมศีลธรรม บำาเพ็ญ
กุศลและศึกษาหาความรู้ภายในชุมชนในลักษณะช่วยเหลือเกื้อกูล เช่นเดียวกับประเพณีไทยเมื่อครั้ง
อดีตกาล โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางในการประกอบกิจกรรม เพื่อให้บังเกิดความร่มเย็นเป็นสุขอย่างยั่งยืน
ในครอบครัวและชุมชน (ท้องถิ่น) ตลอดไป
50 พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย์ กั บ ง า น สิ ท ธิ ม นุ ษ ย ช น