Page 98 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 98

รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
             72 ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก




                             อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันปรากฏว่าบางส่วนในสังคมไทยยังคงมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน

                  ว่า หากเรื่องใดเป็นประเด็น “สิ่งแวดล้อม”  เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่จำากัดวงอยู่แต่ในขอบเขตอำานาจ
                  หน้าที่ขององค์กรหรือหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะเท่านั้น  องค์กรอื่นอย่าง เช่น

                  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งมีอำานาจหน้าที่ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ควรแสดง
                  บทบาทข้ามมาถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย  แต่ควรจำากัดบทบาทในการดูแลเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชน

                  เท่านั้น  ความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว นำามาสู่ข้อจำากัดในการสร้างความร่วมมือ
                  ระหว่างองค์กรหรือหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ทำาให้การ

                  แก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมไม่สามารถดำาเนินการได้อย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพ  ทำาให้การ
                  ตรวจสอบจากองค์กรภายนอกเพื่อความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลไม่เกิดขึ้น  ทำาให้สิทธิของ

                  ชุมชนที่ได้รับการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญไม่สามารถเกิดผลได้จริงในทางปฏิบัติ   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
                  ทำาให้ข้อร้องเรียนของชุมชนไม่สามารถดำาเนินการเพื่อการรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน  และ

                  กระบวนการเยียวยาแก้ไขไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
                  แห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๕๐  มาตรา ๖๗ วรรคสาม


                         ๔.๒ การที่รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๗ วรรคสอง  เกี่ยวข้องกับการละเมิด
                  สิทธิมนุษยชน


                             มาตรา ๒๖  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๕๐  บัญญัติว่า
                  “การใช้อำานาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำานึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  สิทธิและเสรีภาพ
                  ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”

                             อย่างไรก็ตาม  การใช้อำานาจของฝ่ายบริหารในการดำาเนินการออกกฎหมายลำาดับรอง

                  ของฝ่ายบริหาร  ไม่ว่าจะเป็นการออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
                  ทั้งสามฉบับ หรือการใช้อำานาจโดยองค์กรต่างๆ เช่น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  กระทรวง

                  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  กระทรวงพลังงาน ฯลฯ
                  ล้วนมีผลกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของชุมชน  การกระทำา

                  ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐในการเคารพ คุ้มครอง และทำาให้สิทธิต่างๆ ของประชาชน
                  และชุมชนในพื้นที่มาบตาพุดและจังหวัดระยองเป็นจริง  รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ที่มีปัญหาในลักษณะ

                  เดียวกันตามรัฐธรรมนูญ พันธกรณีระหว่างประเทศ และมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชน

                             จากการพิจารณาข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ กรณีการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มาบตาพุด
                  และจังหวัดระยอง เป็นที่ชัดเจนว่า  รัฐบาลได้ให้ความสำาคัญกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

                  โดยกำาหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์อุตสาหกรรมหลักและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ตั้งแต่
                  พ.ศ. ๒๕๒๕  แม้ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ได้ปรากฏหลักฐานและสถิติทั้งด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์

                  รวมทั้งข้อร้องเรียนจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน  เป็นที่รับทราบต่อสาธารณชนทั่วไปอย่าง
   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103