Page 80 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 80

รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
             54 ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก




                             ๓.๒.๒ การเพิกเฉยล่าช้าและการไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญของหน่วยงาน

                  ของรัฐ : ปรากฏการณ์ราชการละเลยต่อหน้าที่และการบริหารราชการโดยอาศัยการตีความของ
                  คณะกรรมการกฤษฎีกา

                             วิกฤติการณ์ทางการเมืองของประเทศที่มีความต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๘ – พ.ศ. ๒๕๕๓

                  ส่งผลให้ข้าราชการในหน่วยราชการขาดขวัญและกำาลังใจ  ประกอบกับข้าราชการบางส่วนยังไม่แน่ใจ
                  ว่าผู้ใดจะมาเป็นผู้บังคับบัญชา  บางส่วนอาจยังติดยึดอยู่กับอำานาจเดิมและเห็นว่ารัฐบาลอาจไม่มี

                  เสถียรภาพ จึงทำาให้ขาดความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมาย  หน่วยงานภาครัฐ
                  บางแห่งมีการละเว้นเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ  เมื่อจะมีการปฏิบัติหน้าที่ก็
                  อาศัยการตีความกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนจะมีการดำาเนินการ

                             ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ได้แก่ การที่สำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

                  ได้รับหนังสือขอหารือปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม มาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ
                  แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งเป็นหน่วยงาน  ผู้อนุญาต ซึ่งได้แก่

                  สำานักงานคณะกรรมการกำากับกิจการพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง
                  ประเทศไทย

                             บันทึกสำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การดำาเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจ

                  ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
                  ไทย เรื่องเสร็จที่ ๔๙๑-๔๙๓/๒๕๕๒ ได้สรุปประเด็นข้อหารือในเรื่องดังกล่าวสามประเด็น คือ

                             ประเด็นที่หนึ่ง  บทบัญญัติมาตรา ๖๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมีผลใช้

                  บังคับนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ  หรือต้องดำาเนินการจัดทำาหรือปรับปรุงกฎหมายตามนัย
                  มาตรา ๓๐๓ (๑) ของรัฐธรรมนูญเสียก่อน

                             คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า  สิทธิชุมชนตามส่วนที่ ๑๒ ของรัฐธรรมนูญได้เกิดขึ้น
                  และได้รับการคุ้มครองแล้วตามรัฐธรรมนูญ  แต่เมื่อพิจารณาบทบัญญัติมาตรา ๓๐๓ แล้ว จะเห็นว่า

                  ยังจำาเป็นต้องมีการตรากฎหมายที่เกี่ยวกับการกำาหนดรายละเอียดเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองการใช้

                  สิทธินั้นขึ้นใช้บังคับก่อน  จึงต้องถือว่าบทบัญญัติมาตรา ๖๗ ของรัฐธรรมนูญยังไม่มีผลใช้บังคับทันที
                  เพราะมีบทเฉพาะกาลตามมาตรา ๓๐๓ (๑) กำาหนดให้มีผลใช้บังคับภายใต้เงื่อนไขที่ต้องมีกฎหมาย
                  กำาหนดรายละเอียดเสียก่อน

                             สำาหรับเงื่อนไขของมาตรา ๖๗ วรรคสอง ที่ต้องมีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อ

                  คุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน กับต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของ
                  ประชาชนนั้น  คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า  พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

                  แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันได้กำาหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำารายงานการวิเคราะห์
                  ผลกระทบสิ่งแวดล้อม  โดยกฎหมายกำาหนดให้เจ้าของโครงการหรือผู้ประกอบการจะต้องจัดให้มี
   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85