Page 6 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 6
ผู้เขียนบทความใช้ทฤษฎี “performativity” ของจูดิธ บัทเลอร์ นักคิดสายเพศสถานะศึกษาคนสําคัญ
ของโลก เพื่ออธิบายอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ในเรื่องที่ปรากฏในฐานะการสวมบทบาทที่สับเปลี่ยนได้และไม่
มีความตายตัวอันเป็นการท้าทายมายาคติที่มาจากวัฒนธรรมหลักของสังคม
ในการควบคุมทางสังคม โทษประหารชีวิตเป็นประดิษฐการทางวัฒนธรรมที่ปรากฏในหลาย
สังคม ในสังคมฝรั่งเศสคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประเด็นเรื่องการประหารชีวิตเป็นสิ่งที่นักคิดนักเขียนหยิบ
ยกมาพูดอย่างจริงจัง อาจารย์วันรัก สุวรรณวัฒนาได้เสนอบทความเรื่อง “วิวาทะโทษประหารชีวิตใน
ฝรั่งเศส: ว่าด้วยเรื่องกิโยติน (Réflexions sur la guillotine)” ผู้เขียนบทความเสนอว่าโทษสูงสุดนี้
ไม่ได้ทําหน้าที่ในการเป็นเครื่องมือลดแรงจูงใจในการกระทําผิดของคนในสังคม ทั้งยังถูกทําให้
ชอบธรรมผ่านมายาคติที่ถูกสร้างขึ้นจากเหตุผลทางประวัติศาสตร์และทางอุดมการณ์ทางการเมือง
ในบรรดาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของสังคม สงครามเป็นเหตุที่
ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายระดับ อาจารย์พรรณทิภา ชื่นชาติได้เสนอประเด็นนี้ไว้ใน
บทความเรื่อง “เสียงสะท้อนเหนือหลุมฝังศพ: สงครามโลกครั้งที่ 2 ในกวีนิพนธ์ไทยสมัยใหม่” ผู้เขียน
บทความเสนอว่าหน้าที่ของกวีนิพนธ์ไทยในการนําเสนอภาพสงครามโลกครั้งที่ 2 คือช่องทางในการ
แสดงทัศนวิจารณ์ของกวี และกระบอกเสียงบอกเล่าประสบการณ์ของผู้สูญเสีย ลักษณะของกวีนิพนธ์
ไทยสมัยใหม่ในช่วงนี้จึงสอดคล้องกับลักษณะของกวีนิพนธ์สงคราม (war poetry) ตามการคลี่คลาย
ของนัยความหมายในบริบทตะวันตก
บทความเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเป็นปัญหาเร่งด่วนใน
ปัจจุบัน บทความเรื่อง “คนกับป่า: ปัญหาเรื่องสิทธิการจัดการทรัพยากรในวรรณกรรมของวัธนา บุญยัง”
ของอาจารย์กฤตยา ณ หนองคาย เสนอแนวการอ่านด้วยวรรณกรรมวิจารณ์เชิงนิเวศ (ecocriticism)
อันเป็นแนวการวิจารณ์ที่ไม่แพร่หลายเท่าใดนักในวงวิชาการไทย ผู้เขียนบทความเสนอว่าวัธนาวิพากษ์
ปัญหาเรื่องสิทธิชุมชนหรือสิทธิการจัดการทรัพยากรผ่านบทบาทของพรานทั้งในฐานะผู้รู้และผู้ล่า
นอกจากนั้นวัธนายังใช้ฉากธรรมชาติอันงดงามแสดงให้เห็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างคนกับป่า
อีกด้วย
เนื้อหาของบทความทั้งหมดที่ประมวลมาอาจมิได้ครอบคลุมประเด็นปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลก แต่น่าจะแสดงให้เห็น “สปิริต” ของนักเขียนที่ยังคงพยายามรักษาพันธกิจของ
ตนเองที่มีต่อสังคม นอกจากนั้น น่าจะชี้ให้เห็นศักยภาพของวรรณกรรมในการ “เข้ารหัส” มายาคติ
ต่างๆ ที่ช่วยสร้างความชอบธรรมให้แก่การละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งศักยภาพของวรรณกรรมใน
การท้าทายหรือรื้อถอนมายาคติเหล่านั้นด้วยเช่นกัน