Page 51 - กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
P. 51
(๒) พยายามเก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่จะกระทบ (๙) กรณีอื่นตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
ถึงประโยชน์ได้เสียโดยตรงของบุคคลนั้น การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามวรรคหนึ่ง (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) ให้มีการ
(๓) จัดให้มีการพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาและตรวจสอบแก้ไขให้ถูกต้องอยู่เสมอเกี่ยวกับ จัดท าบัญชีแสดงการเปิดเผยก ากับไว้กับข้อมูลข่าวสารนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนด
สิ่งดังต่อไปนี้ ในกฎกระทรวง
(ก) ประเภทของบุคคลที่มีการเก็บข้อมูลไว้ มาตรา ๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสาร
(ข) ประเภทของระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน และเมื่อบุคคลนั้นมีค าขอเป็นหนังสือ หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูล
(ค) ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ ข่าวสารนั้นจะต้องให้บุคคลนั้นหรือผู้กระท าการแทนบุคคลนั้นได้ตรวจดูหรือได้รับส าเนาข้อมูลข่าวสาร
(ง) วิธีการขอตรวจดูข้อมูลข่าวสารของเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น และให้น ามาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
(จ) วิธีการขอให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูล การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เกี่ยวกับบุคคลใด ถ้ากรณีมีเหตุอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผย
(ฉ) แหล่งที่มาของข้อมูล
(๔) ตรวจสอบแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในความรับผิดชอบให้ถูกต้องอยู่เสมอ ต่อเฉพาะแพทย์ที่บุคคลนั้นมอบหมายก็ได้
ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง ให้มีสิทธิ
(๕) จัดระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามความเหมาะสม ยื่นค าขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูล
เพื่อป้องกันมิให้มีการน าไปใช้โดยไม่เหมาะสมหรือเป็นผลร้ายต่อเจ้าของข้อมูล ข่าวสารส่วนนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาค าขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบ
ในกรณีที่เก็บข้อมูลข่าวสารโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูล โดยไม่ชักช้า
ทราบล่วงหน้าหรือพร้อมกับการขอข้อมูลถึงวัตถุประสงค์ที่จะน าข้อมูลมาใช้ ลักษณะการใช้ข้อมูลตามปกติ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีค าขอ
และกรณีที่ขอข้อมูลนั้นเป็นกรณีที่อาจให้ข้อมูลได้โดยความสมัครใจหรือเป็นกรณีมีกฎหมายบังคับ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับ
หน่วยงานของรัฐต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบในกรณีมีการให้จัดส่งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล แจ้งค าสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นค าอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
ไปยังที่ใดซึ่งจะเป็นผลให้บุคคลทั่วไปทราบข้อมูลข่าวสารนั้นได้ เว้นแต่เป็นไปตามลักษณะการใช้ข้อมูล และไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุค าขอของตนแนบไว้
ตามปกติ
กับข้อมูลข่าวสารส่วนที่เกี่ยวข้องได้
มาตรา ๒๔ หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแล ให้บุคคลตามที่ก าหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิด าเนินการตามมาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔ และมาตรานี้
ของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูล แทนผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรมแล้วได้
ที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นมิได้ เว้นแต่เป็นการเปิดเผย ดังต่อไปนี้ หมวด ๔
(๑) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานของตนเพื่อการน าไปใช้ตามอ านาจหน้าที่ของหน่วยงาน เอกสารประวัติศาสตร์
ของรัฐแห่งนั้น
(๒) เป็นการใช้ข้อมูลตามปกติภายในวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสาร มาตรา ๒๖ ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะเก็บรักษาหรือมีอายุครบ
ส่วนบุคคลนั้น ก าหนดตามวรรคสองนับแต่วันที่เสร็จสิ้นการจัดให้มีข้อมูลข่าวสารนั้น ให้หน่วยงานของรัฐส่งมอบให้แก่
(๓) ต่อหน่วยงานของรัฐที่ท างานด้านการวางแผนหรือการสถิติหรือส ามะโนต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรหรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
ต้องรักษาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลไว้ไม่ให้เปิดเผยต่อไปยังผู้อื่น เพื่อคัดเลือกไว้ให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้า
(๔) เป็นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยโดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ท าให้รู้ว่าเป็นข้อมูล ก าหนดเวลาต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการตามวรรคหนึ่งให้แยกตามประเภท ดังนี้
ข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด (๑) ข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๔ เมื่อครบเจ็ดสิบห้าปี
(๕) ต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๒๖ (๒) ข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา ๑๕ เมื่อครบยี่สิบปี
วรรคหนึ่ง เพื่อการตรวจดูคุณค่าในการเก็บรักษา ก าหนดเวลาตามวรรคสอง อาจขยายออกไปได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(๖) ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย การสืบสวน (๑) หน่วยงานของรัฐยังจ าเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลข่าวสารของราชการไว้เองเพื่อประโยชน์
การสอบสวน หรือการฟ้องคดี ไม่ว่าเป็นคดีประเภทใดก็ตาม ในการใช้สอย โดยต้องจัดเก็บและจัดให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้าตามที่จะตกลงกับหอจดหมายเหตุ
(๗) เป็นการให้ซึ่งจ าเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพของบุคคล แห่งชาติ กรมศิลปากร
(๘) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอ านาจตามกฎหมาย
ที่จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าว
42