Page 63 - รายงานฉบับสมบูรณ์ ฉบับย่อ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ: กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ
P. 63

โครงการศึกษาวิจัยเพื่อจัดท าข้อเสนอแนะนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของผู้สูงอายุ :11
                                                                   กรณีการเลือกปฏิบัติในผู้สูงอายุ | 55

                       6.2.1.2 การดูแลผู้สูงอายุระยะยาวและระยะสุดท้าย (long-term and palliative care)

                       (1) ปัญหาการขาดหลักเกณฑ์ทางกฎหมายในการวางระบบการดูแลระยะยาว

                       ผู้สูงอายุบางกลุ่มจ าเป็นต้องได้รับการดูแลในระยะยาว จึงเป็นที่มาของการจัดให้มีและการ
             ฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ เช่น ประกาศส านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักสูตรและคุณสมบัติของ
             ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง พ.ศ. 2559 หรือในแผนผู้สูงอายุแห่งชาติได้ก าหนดเกี่ยวกับผู้ดูแล
             ผู้สูงอายุไว้ในยุทธศาสตร์ที่ 4 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณา

             การระดับชาติ และการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ โดยก าหนดให้มีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนา
             บุคลากรด้านผู้สูงอายุ เช่น ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตหรือฝึกอบรมบุคลากรด้านผู้สูงอายุ ในระดับ
             วิชาชีพอย่างเพียงพอและมีมาตรฐาน นอกจากนี้ ประเทศไทยมีโรงเรียนฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุหลายแห่งและ
             มีการจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อดูแลผู้สูงอายุที่บ้านจ านวนมาก แต่พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็น

             กฎหมายหลักที่เกี่ยวกับการส่งเสริม การดูแล และการคุ้มครองผู้สูงอายุ กลับไม่มีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการดูแล
             ระยะยาว เช่น ปัญหาเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนให้ care givers ที่ยังไม่มีระเบียบรองรับการเบิกจ่ายในส่วนนี้
                       เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับมาตรการและกลไกในการคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพของผู้สูงอายุใน
             ต่างประเทศพบว่าในประเทศเยอรมนีมีระบบประกันการดูแลระยะยาวจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติประกัน

             การดูแลระยะยาวภาคบังคับ (statutory long term care insurance) เมื่อปี พ.ศ. 2537 เป็นระบบประกัน
             การดูแลระยะยาวที่แยกออกจากระบบประกันสุขภาพ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ โดยมีรัฐบาล
             กลางท า หน้าที่ในการบริหารจัดการ ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นท าหน้าที่ในการจัดสรรบริการในพื้นที่


                       (2) ปัญหาการขาดเกณฑ์และกลไกการก ากับดูแลมาตรฐานของสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว
                       ในปัจจุบันยังไม่มีการก าหนดมาตรฐานกลางของสถานรับดูแล ยังไม่มีกฎหมายก ากับดูแลให้มี
             คุณภาพ และยังขาดหน่วยงานรับผิดชอบการขึ้นทะเบียนและก ากับดูแลสถานรับดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะ
             พึ่งพิงที่มีปัญหาด้านสุขภาพโดยตรง ซึ่งเป็นปัญหาที่ส าคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค ปัญหาประการนี้ เป็นผลมา

             จากนโยบายของภาครัฐที่ยังไม่ชัดเจนด้วย เนื่องจากภาครัฐยังไม่ก าหนดบทบาทของตนให้เหมาะสมกับการ
             ดูแลผู้สูงอายุในระยะยาว กล่าวคือ ภาครัฐควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามา
             จัดท าบริการในด้านนี้ แล้วรัฐเป็นผู้วางเกณฑ์มาตรฐานและกลไกการก ากับดูแลมาตรฐาน (regulator)

                       เมื่อศึกษาเปรียบเทียบกับมาตรการและกลไกในการคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ
             ในต่างประเทศพบว่า ในประเทศอังกฤษมีการออกพระราชบัญญัติสุขภาพและสังคม (Health and Social
             Care Act: HSCA 2008) และมีการจัดตั้งองค์กรที่รับผิดชอบคือ ส านักงานคณะกรรมการก ากับดูแลคุณภาพ
             (Care Quality Commission - CQC) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีบทบาทส าคัญในการป้องกันและส่งเสริมสุขภาพ
             ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของผู้ที่ใช้บริการด้านสุขภาพและการดูแลสังคม CQC มีอ านาจในการรับขึ้น

             ทะเบียนผู้ให้บริการ (register) ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (monitoring) ที่รวมถึงการตรวจเยี่ยม
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68