Page 225 - รายงานสรุปผลการดำเนินโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการคุ้มครองการละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิในที่ดิน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สำหรับเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ระหว่างวันที่ 19-23 สิงหาคม 2566 ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
P. 225
แนวค าวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
๓. ค ำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุดที่ อ. ๑๒๗๓/๒๕๖๔
ผู้ฟ้องคดีให้ถ้อยค าว่า ซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายอิน โดยการส่งมอบการครอบครอง ส.ค. ๑ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ และน า
ส.ค. ๑ ดังกล่าวมาขอออก น.ส. ๓ ซึ่งนายอ าเภอฯ ได้ออกเป็น น.ส. ๓ แก่ผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้เก็บหลักฐาน ส.ค. ๑ ไว้ ซึ่ง ส.ค. ๑
ดังกล่าวได้แจ้งไว้ในปีเดียวกันกับ ส.ค. ๑ ของนายศรีลา โดยผู้ฟ้องคดีได้น านายศรีลา มาเป็นพยานในการให้ถ้อยค าในวันดังกล่าวด้วย ซึ่ง
นายศรีลาได้ให้ถ้อยค าว่าตนเป็นพยานบุคคลที่รับทราบการซื้อขายที่ดินระหว่างผู้ฟ้องคดีกับนายอินในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่ง ส.ค. ๑ แปลง
ดังกล่าวได้แจ้งการครอบครองไว้ปีเดียวกันกับ ส.ค. ๑ ของนายศรีลา แต่ปัจจุบัน ส.ค. ๑ ของนายศรีลาได้สูญหายไป แต่เมื่อผู้ถูกฟ้องคดี
ที่ ๑ ได้ตรวจสอบการแจ้งการครอบครองจากทะเบียนการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) จากแผ่นบันทึกข้อมูล (ซีดี) ไม่พลทั้งชื่อของนายอิน
และนายศรีลา จึงเห็นว่า เดิมที่ดินพิพาทไม่มีหนังสือส าคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน และไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่ได้ครอบครองและท าประโยชน์ในที่ดิน
อยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ได้แจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) แปลงดังกล่าวต่อนายอ าเภอท้องที่ จึงถือว่าบุคคลนั้น
เจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตามมาตรา ๕ วรรคสอง แห่งพรบ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗