Page 88 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
P. 88

อย่ำงไรก็ตำม ควรมีกำรพัฒนำระบบประเมินผล          1.  ความพึงพอใจด้านงานรับเรื่องร้องเรียน
             ตำมหลักวิชำกำร โดยมีกำรก�ำหนดค�ำนิยำมและออกแบบ  ผลคะแนนควำมพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 89.38
             เครื่องมือ/ข้อค�ำถำมที่มีควำมสอดคล้องเหมำะสม เพื่อให้

             สำมำรถประเมินผลลัพธ์ได้อย่ำงชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อไป    2.  ความพึงพอใจด้านงานตรวจสอบข้อเท็จจริง
                                                              ผลคะแนนควำมพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 87.74
                4.1.1.3 ภารกิจด้านการเฝ้าระวังสถานการณ์

             สิทธิมนุษยชน                                        3.  ความพึงพอใจด้านงานการให้บริการของศูนย์
                ในปีงบประมำณ พ.ศ. 2565 ได้ก�ำหนดให้มีกำร      สารสนเทศสิทธิมนุษยชน ผลคะแนนควำมพึงพอใจ
             ประเมินผลกระบวนกำรเฝ้ำระวังสถำนกำรณ์สิทธิมนุษยชน  คิดเป็นร้อยละ 95.42
             เพื่อประมวลข้อมูลที่เป็นพัฒนำกำรและควำมท้ำทำย
             ทำงด้ำนสิทธิมนุษยชนที่ส�ำคัญเพื่อน�ำมำประกอบ “การจัด  4.  ความพึงพอใจด้านงานจัดซื้อจัดจ้าง ผลคะแนน

             ท�ารายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน  ควำมพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 91.33
       รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
             ของประเทศไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ก�ำหนดในค�ำรับรอง
             กำรปฏิบัติรำชกำร โดยต้องด�ำเนินกำรให้เสร็จทันตำม    ทั้งนี้ ควำมพึงพอใจในภำพรวมทั้ง 4 กระบวนงำน
             ระยะเวลำที่ก�ำหนดไว้ในกฎหมำย คือภำยใน 90 วันนับจำก  คิดเป็น ร้อยละ 90.96 อยู่ในระดับ “มากที่สุด” เป็นไป

             วันสิ้นปีปฏิทิน ผลกำรด�ำเนินงำนในเรื่องดังกล่ำวเป็นไปตำม  ตำมค่ำเป้ำหมำยในระดับที่ 5
             เกณฑ์กำรประเมินในค่ำเป้ำหมำยระดับที่ 5 คือ มีกำรเสนอ
             ร่ำงรำยงำนผลกำรประเมินสถำนกำรณ์ด้ำนสิทธิมนุษยชน  4.2 มิติภายใน มีการประเมินใน 2 ด้าน
             ของประเทศไทย ปี 2565 เสนอต่อ กสม. เพื่อพิจำรณำ        ได้แก่

             ให้ควำมเห็นชอบ นอกจำกนี้ ยังได้มีกำรประมวลควำมเห็น
             ของคณะรัฐมนตรีและหน่วยงำนของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อ  4.2.1 การประเมินประสิทธิภาพ (Efficiency)
             ข้อเสนอแนะของ กสม. ในรำยงำนผลกำรประเมินสถำนกำรณ์    กำรประเมินประสิทธิภำพเป็นกำรประเมินควำมสำมำรถ
             ด้ำนสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2564 มีกำรจัดท�ำ  ในกำรปฏิบัติงำนจนส�ำเร็จตำมวัตถุประสงค์ โดยค�ำนึง

             สรุปข้อสังเกตและควำมเห็นของสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร   ถึงวิธีกำร (means) และควำมคุ้มค่ำในกำรใช้ทรัพยำกร
             จ�ำนวน 15 รำย ในแต่ละประเด็นต่อรำยงำนผลกำร       (resources) ในกำรด�ำเนินงำน โดยได้ก�ำหนดให้มี
             ประเมินสถำนกำรณ์ด้ำนสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย  กำรประเมินผลจำก “ร้อยละของการเบิกจ่าย และ/หรือ
             ปี 2564 ไว้ในรำยงำน เพื่อประโยชน์ในกำรติดตำม  การก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณที่มีไว้ใช้จ่ายของ

             ควำมคืบหน้ำในปี 2565 ด้วย                        ส�านักงาน กสม.” ซึ่งได้ก�ำหนดค่ำเป้ำหมำยระดับที่ 5
                                                              ไว้ที่ร้อยละ 96 ผลกำรเบิกจ่ำยและ/หรือกำรก่อหนี้
             4.1.2 การประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการ   ผูกพันเงินงบประมำณ พ.ศ. 2565 คิดเป็นร้อยละ 96.73
             และผู้มีส่วนได้เสียต่อผลการให้บริการของ          อยู่ในระดับที่  5 โดยส่วนใหญ่สำมำรถด�ำเนินกำร

             ส�านักงาน กสม.                                   ตำมแผนงบประมำณที่ก�ำหนดไว้
                กสม. ได้ให้ควำมส�ำคัญกับกำรประเมินควำมพึงพอใจ
             ของผู้รับบริกำรและผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholders)    อย่ำงไรก็ตำม มีผลกำรเบิกจ่ำยบำงส่วนที่ล่ำช้ำไม่เป็นไป
             เพื่อน�ำผลกำรประเมินมำปรับปรุงคุณภำพกำรให้บริกำรและ  ตำมแผน เนื่องมำจำกผลกระทบของสถำนกำรณ์กำรแพร่

             กำรด�ำเนินงำนตำมภำรกิจเป็นประจ�ำทุกปี ในปีงบประมำณ  ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19)
             พ.ศ. 2565 ได้ก�ำหนดค่ำเป้ำหมำยระดับ 5 ไว้ที่ร้อยละ 90  ท�ำให้มีกำรประกำศใช้มำตรกำรล็อกดำวน์ในบำงพื้นที่
             โดยมีกำรแบ่งกระบวนงำนและกลุ่มเป้ำหมำยในกำรประเมิน  จึงก่อให้เกิดข้อจ�ำกัดในกำรจัดโครงกำร/กิจกรรมที่มี
             ควำมพึงพอใจ ออกเป็น 4 กลุ่ม และมีผลกำรประเมิน ดังนี้  กำรรวมกลุ่ม รวมถึงกำรลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ แสวงหำ


       86
   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93