Page 37 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555 เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 37
30
4. มีความประพฤติดี โดยไม่เคยรับโทษคดีอาญา ยกเว้นความผิดโดยประมาทหรือลหุโทษ ทั้งนี้หาก
ได้รับโทษในคดีอาญาต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันที่ยื่นคำร้อง
5. ประกอบอาชีพสุจริต ยกเว้นพระภิกษุสามเณรและนักบวชในศาสนาอื่นซึ่งต้องปฏิบัติกิจมาไม่
48
น้อยกว่า 5 ปี
นอกจากคนไทยพลัดถิ่นทั้งสองกลุ่มตามข้างต้น รัฐบาลไทยยังเคยมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาสถานะ
แก่ผู้พลัดถิ่นหรือผู้อพยพเชื้อสายไทยอีกสองกลุ่มคือ ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากเสียมราฐ-พระตะบอง
(มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 22 กรกฎาคม 2529) และผู้อพยพเชื้อสายไทยจากรัฐกลันตัน มาเลเซีย (มติ
คณะรัฐมนตรีวันที่ 9 พฤศจิกายน 2523) ไว้อีกด้วย อย่างไรก็ดีแม้ว่าประเทศไทยจะมีความพยายามแก้ไข
ปัญหาเรื่อง คนไร้รัฐ ไร้สัญชาติของกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นเชื้อสายไทยมาโดยตลอด แต่แนวทางการแก้ไขปัญหา
ดังกล่าวกลับไม่ตอบสนองต่อวิถีชีวิตของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และส่งผลให้กลุ่มคนไทยพลัดถิ่นยังคงถูกจำกัด
สิทธิและถูกละเมิดสิทธิในหลายๆ ด้านทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล การประกอบอาชีพ ด้านที่อยู่อาศัย
เป็นต้น จึงมีการผลักดันแนวทางการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติตาม “ยุทธศาสตร์การ
จัดการปัญหาสถานะและสิทธิบุคคล” ตามมติคณะรัฐมนตรี 18 มกราคม 2548
สำหรับวัตถุประสงค์หลักตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิบุคคล เพื่อเร่งรัดกำหนด
สถานะที่เหมาะสมให้แก่กลุ่มคนที่ไม่มีสถานะชัดเจน หรือมีสถานะที่ไม่เอื้อต่อการใช้สิทธิในการพัฒนาที่
เหมาะสมตามศักยภาพของตน และเพื่อให้กลุ่มคนดังกล่าวสามารถเข้าถึงสิทธิที่พึงได้รับและสามารถดำรงชีวิต
อยู่ในสังคมรวมทั้งสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้ตามศักยภาพที่ตนมี และเพื่อให้การ
คุ้มครองดูแลด้านสิทธิมนุษยชนต่อคนกลุ่มที่ไม่มีสถานะในไทย สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมี
ความสมดุลทั้งทางด้านความมั่นคงและสิทธิมนุษยชน ไม่เกิดปัญหาผลกระทบต่อประเทศในระยะยาวในทุก
ด้าน รวมทั้งนำไปสู่การตัดสินใจทางนโยบายเพื่อกำหนดสถานะและสิทธิรองรับที่เหมาะสม และเพื่อเป็นการ
ปรับทัศนคติของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ลดความหวาดระแวง ความไม่ไว้วางใจ จนส่งผลให้เกิดการปฏิบัติต่อกลุ่ม
บุคคลดังกล่าวในเชิงลบ อาทิ การมีทัศนคติว่าบุคคลไร้สถานะส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันกับพฤติกรรมในการลักลอบ
ค้ายาเสพติด หรือตัดไม้ทำลายป่า การมองว่าบุคคลไร้สถานะเป็นภาระที่สังคมที่ต้องดูแล เป็นต้น และเพื่อ
สร้างหลักประกันให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานโดยสุจริต ให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติงานและลด
โอกาสในการแสวงหาประโยชน์โดยทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้น ตลอดจนเพื่อป้องกันการอพยพเข้ามาใหม่ของกลุ่ม
คนที่ไม่มีสถานะโดยการกำหนดมาตรการดำเนินการเชิงสร้างสรรค์ที่ไม่ส่งผลกระทบภาพลักษณ์ด้านสิทธิ
มนุษยชนในประเทศ และสอดคล้องกับสถานการณ์ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน โดยมี
ทั้งหมด 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ หนึ่ง ยุทธศาสตร์การกำหนดสถานะ สอง ยุทธศาสตร์การให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่
48 อ้างแล้ว,วีนัส สีสุข, ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุลและกรกนก วัฒนภูมิ

