Page 38 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 38

ศาลฎีกาและประธานศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้              ดังกล่าวเพื่อด�าเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มี
            แต่งตั้งบุคคลเพื่อท�าหน้าที่เป็น กสม. เป็นการชั่วคราว    การด�าเนินการตามที่เสนอให้รายงานต่อรัฐสภา
            ตาม พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ วรรคสาม ประกอบ            เพื่อด�าเนินการต่อไป
            มาตรา ๒๒ เพื่อให้ กสม. สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่าง    ๓)  เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุง
            ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญและหลักการปารีส                     กฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับต่อรัฐสภา และคณะ
                                                                    รัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
                ต่อมา ประธานศาลฎีกาและประธานศาลปกครอง           ๔)  ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่

            สูงสุด ได้มีค�าสั่งที่ ๑/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒   ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน
            อาศัยอ�านาจตาม พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๐ วรรคสาม    ๕)  ส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงาน
          รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
            ประกอบมาตรา ๒๒ แต่งตั้งบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและ          ระหว่างหน่วยราชการ องค์การเอกชน และ
            ไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับกรรมการสิทธิมนุษยชน      องค์การอื่นในด้านสิทธิมนุษยชน
            แห่งชาติ เพื่อท�าหน้าที่แทนผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการ   ๖)  จัดท�ารายงานประจ�าปีเพื่อประเมินสถานการณ์
            สิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นการชั่วคราว รวม ๔ คน คือ        ด้านสิทธิมนุษยชนภายในประเทศเสนอต่อ
                ๑.  นายสมณ์ พรหมรส                                  รัฐสภาและคณะรัฐมนตรี  และเปิดเผยต่อ
      สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
                ๒.  นางสาวอารีวรรณ จตุทอง                           สาธารณชน
                ๓.  นางภิรมย์ ศรีประเสริฐ                       ๗)  ประเมินผลและจัดท�ารายงานผลการปฏิบัติงาน

                ๔.  นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์                           ประจ�าปีเสนอต่อรัฐสภา
                                                                ๘)  เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา
                โดยผู้ท�าหน้าที่เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ     ในกรณีที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญา
            เป็นการชั่วคราวทั้ง ๔ คน ได้มาปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่    เกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
            ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔          ๙)  แต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานตามที่
                                                                    คณะกรรมการมอบหมาย
            ๑.๒ หน้�ที่และอำ�น�จ                                ๑๐) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่ก�าหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้

                                                                    หรือกฎหมายอื่นซึ่งก�าหนดให้เป็นอ�านาจหน้าที่
                กสม. ชุดที่ ๓ ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายหลัก ๒ ฉบับ    ของคณะกรรมการ
            กล่าวคือ ระหว่างปี ๒๕๕๙ ถึง ก่อน พ.ร.ป. กสม.
            ๒๕๖๐ ประกาศใช้ มีอ�านาจหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่ง      อนึ่ง เมื่อ พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐ ประกาศใช้เมื่อ
            พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ   วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยมาตรา ๓ ให้ยกเลิก พ.ร.บ.
            พ.ศ. ๒๕๔๒ (พ.ร.บ. กสม. ๒๕๔๒) ต่อมา เมื่อรัฐธรรมนูญ กสม. ๒๕๔๒
            แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีผลบังคับใช้
            หน้าที่และอ�านาจของ กสม. ก็ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หน้าที่และอ�านาจตามรัฐธรรมนูญแห่ง
            ฉบับดังกล่าว และ พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐ ดังนี้         ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐

                                                                รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
            อ�านาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ. กสม. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ บัญญัติให้ กสม. เป็นองค์กรอิสระ และมาตรา ๒๔๗
                ๑)  ส่งเสริมการเคารพและการปฏิบัติตามหลัก  ประกอบ พ.ร.ป. กสม. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ ก�าหนดให้
                    สิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ มีหน้าที่และอ�านาจ ดังนี้
                ๒)  ตรวจสอบและรายงานการกระท�าหรือการละเลย
                    การกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน       มาตรา ๒๔๗ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                    หรืออันไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ มีหน้าที่และอ�านาจ ดังต่อไปนี้

                    เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี   (๑) ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
                    และเสนอมาตรการการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคล        การละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่าช้า
                    หรือหน่วยงานที่กระท�าหรือละเลยการกระท�า         และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสม

       36
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43