Page 26 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 26
2
ในประเทศไทยปัจจุบันว่า กรณีใดเป็นการเลือกปฏิบัติและกระทบต่อหลักความเสมอภาคตามกฎหมายสิทธิ
มนุษยชนระหว่างประเทศ รวมทั้งการจ าแนกขอบเขตของการเลือกปฏิบัติในมิติของกฎหมายสิทธิ
มนุษยชนกับการเลือกปฏิบัติในความหมายของกฎหมายอื่น ซึ่งอาจมีแนวคิดและหลักการที่แตกต่างออกไป
นอกจากนั้นจะได้ศึกษาว่ากฎหมายไทยฉบับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติซึ่งมีผลบังคับในปัจจุบัน
นั้น มีความเหมาะสมและครอบคลุมเพื่อการคุ้มครองผู้ถูกเลือกปฏิบัติเพียงใด
1.2. กรอบแนวคิดการศึกษาวิจัย
ในส่วนนี้ผู้วิจัยจะเริ่มจากการชี้ให้เห็นความหมายของการเลือกปฏิบัติ อันจะน าไปสู่การก าหนด
กรอบแนวคิดการวิจัยต่อไป
1.2.1 ความหมายของการเลือกปฏิบัติ (Discrimination)
การเลือกปฏิบัติมีความหมายหลายนัย ขึ้นอยู่กับบริบทและมุมมองในการพิจารณา ส าหรับในทาง
1
สังคมวิทยานั้น นักวิชาการเช่น Rubin และ Hew stone ได้จ าแนกประเภทของการเลือกปฏิบัติ บน
พื้นฐานของทฤษฎีความขัดแย้งเชิงความเป็นจริง (Realistic-Conflict Theory) และ ทฤษฎีตัวตนทาง
สังคม (Social-Identity Theory) ดังนี้
1. การแข่งขันในเชิงรูปธรรม (Realistic Competition) ถูกขับเคลื่อนโดยผลประโยชน์ส่วน
บุคคล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการได้ทรัพยากรเชิงวัตถุต่างๆ เช่น อาหาร สินค้า เขตแดน เพื่อบุคคลในกลุ่ม
(The In-group) ดังนั้นการเลือกปฏิบัติเป็นการให้สิทธิพิเศษแก่บุคคลอันเป็นสมาชิกในกลุ่มและตัวบุคคล
นั้นเองเพื่อให้ได้มาหรือเข้าถึงซึ่งทรัพยากรดังกล่าว
2. การแข่งขันเชิงสังคม (Social Competition) ถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการความภาคภูมิใจ
(Self-Esteem) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการบรรลุถึงสถานะทางสังคมในเชิงบวกส าหรับบุคคลในกลุ่ม (The In-
Group) เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลนอกกลุ่ม (The Out-Group)
3. การเลือกปฏิบัติด้วยความยินยอม (Consensual Discrimination) ถูกขับเคลื่อนโดยความ
ต้องการความชัดเจน สะท้อนถึงความมั่นคง ความชอบธรรมของการจัดล าดับชั้นในกลุ่ม เช่น การปฏิบัติ
เป็นพิเศษต่อสมาชิกในกลุ่มที่มีสถานะสูงกว่าสมาชิกอื่น
การเลือกปฏิบัติ (Discrimination) มิได้เกิดขึ้นเฉพาะกรณีผู้ถูกเลือกปฏิบัติได้รับความเสียหาย
หรือเป็นฝ่ายไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น ในทางวิชาการแล้ว การเลือกปฏิบัติยังคงเกิดขึ้นแม้ว่าบุคคลผู้ถูก
เลือกปฏิบัติได้รับผลประโยชน์ก็ตาม มีนักวิชาการเสนอให้พิจารณาในเชิงเปรียบเทียบ โดยเน้นลักษณะ
ของการปฏิบัติที่เสียเปรียบ (Disadvantage) กล่าวคือ บุคคลไม่จ าต้องได้รับผลเสียหรือผลร้าย (Harm)
โดยแท้จริง จึงจะถือว่าถูกเลือกปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น หากบุคคลตัดสินใจที่จะบริจาคเพื่อช่วยเด็กก าพร้า แต่
ตัดสินใจบริจาคให้เด็กผิวสีน้อยกว่าบนพื้นฐานความคิดการแบ่งแยกสีผิว ดังนี้ก็ถือว่าเกิดการเลือกปฏิบัติขึ้น
2
แล้ว แม้ว่าเด็กผิวสีนั้นจะได้รับเงินบริจาคก็ตาม
1
Rubin, M.; Hewstone, M.; et al. (2004). "Social identity, system justification, and social dominance:
Commentary on Reicher, Jost et al., and Sidanius et al". Political Psychology 25 (6): 823–844.
2
Kasper Lippert-Rasmussen, "Private Discrimination: A Prioritarian, Desert-Accommodating Account",
San Diego Law Review, 43, 817–856 (2006)