Page 95 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 95

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘



          ๔   การประเมินสถานการณ์

        ในช่วงระหว่างปี ๒๕๔๗ - ๒๕๕๘ รัฐบาลได้ให้ความส�าคัญและพยายามแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความรุนแรงด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ
        บังคับใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่ การใช้ก�าลังเจ้าหน้าที่ในการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ การสร้างมวลชนสัมพันธ์เพื่อท�าความ
        เข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน การส่งเสริมให้คนในพื้นที่และชุมชนมีความเข้มแข็ง การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อหา
        ทางออกในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขกับกลุ่มที่มีอิทธิพลในการก่อเหตุความรุนแรง และแม้ว่าตัวเลขสถิติของ
        เหตุการณ์ความไม่สงบและความสูญเสียจะมีแนวโน้มที่ลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ เป็นต้นมา แต่ถ้าพิจารณาในมิติรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้ง
        จะพบว่ายังคงมีความขัดแย้งแสดงออกมาให้เห็นอยู่เป็นระยะ จึงมิอาจกล่าวได้ว่าจ�านวนเหตุการณ์ความไม่สงบที่ลดน้อยลงนั้น เป็นตัวแทน
        ที่เพียงพอในการยืนยันว่า สถานการณ์ความขัดแย้งก�าลังจะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ ในบางกรณียังปรากฏความรู้สึกไม่พอใจของประชาชนในพื้นที่
        ต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ และความคับแค้นใจเมื่อต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งสิ่งต่าง ๆ
        เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่ เมื่อมีสิ่งยั่วยุหรือสิ่งเร้ามากระตุ้น รัฐจึงควรเร่งด�าเนินการขจัดรากเหง้า
        ของความขัดแย้งนี้ ด้วยวิถีแห่งสันติและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น โดยปราศจากการใช้ก�าลังหรืออ�านาจข่มขู่
        เพราะวิธีการดังกล่าวอาจน�ามาซึ่งความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น

        ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยา ในปี ๒๕๕๘ ยังพบว่ากระบวนการพิจารณาเยียวยาต่อผู้เสียหายมีความล่าช้า ผู้เสียหายบางรายยังไม่สามารถ
        เข้าถึงการช่วยเหลือเยียวยาและบางรายยังมีความรู้สึกว่าค�าวินิจฉัยของคณะกรรมการ ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย ทหาร ต�ารวจ และฝ่ายปกครอง
        ในการพิจารณารับรองว่าผู้ขอรับการช่วยเหลือเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบหรือไม่นั้น ไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียหาย
                                                                                                 ๙๔
        ซึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ รัฐควรจัดให้มีกระบวนการโต้แย้งหรืออุทธรณ์ค�าวินิจฉัยของคณะกรรมการ ๓ ฝ่าย เพื่ออ�านวย
        ความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหายได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ รัฐควรมอบหมายให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหากระบวนการ
        หรือมาตรการที่เหมาะสมในการด�าเนินการให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิในการเยียวยาในกรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งที่เกิดจากการกระท�า
                                                                                                     ๙๕
        ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หรือจากการกระท�าของเจ้าหน้าที่รัฐอันเกี่ยวเนื่องกับความไม่สงบอย่างทันท่วงที และเป็นอัตโนมัติ  โดยที่
        ผู้เสียหายหรือญาติมิต้องยื่นค�าร้องขอใช้สิทธิ รวมถึงควรมีมาตรการในการติดตามดูแลด้านสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ นอกเหนือจาก
        การช่วยเหลือเยียวยาในรูปของตัวเงินด้วย





        ๔.๑ สถานการณ์ด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

        จากการที่ประเทศไทยได้ให้ค�ามั่นในการออกกฎหมายให้การทรมานเป็นความผิดอาญาและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้
        สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานฯ และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหาย
        สาบสูญโดยถูกบังคับนั้น รัฐได้ด�าเนินการจัดท�าร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย
        พ.ศ. .... ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๙๖   อย่างไรก็ดี รัฐจะต้องประกันว่าร่างพระราชบัญญัติฯ
        ดังกล่าวจะมีเนื้อหาสอดคล้องกับข้อบทในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญ
        โดยถูกบังคับอย่างครอบคลุมและครบถ้วน และควรเร่งด�าเนินการให้กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อป้องกันการทรมาน การลงโทษ
        และการปฏิบัติอย่างทารุณ ผิดมนุษย์หรือลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

        นอกจากนี้ ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในพื้นที่ รัฐควรก�าชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบหรือขั้นตอนที่ก�าหนดไว้
        อย่างเคร่งครัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันพัฒนาระบบการเข้าเยี่ยมสถานที่เสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อป้องกันมิให้
        เกิดการกระท�าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ในกรณีของการเสียชีวิตในสถานที่คุมขังหรือลักษณะอื่นใด รัฐควรเร่งรัดให้หน่วยงาน
        ที่มีหน้าที่ในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหรือกักตัวไว้เพื่อซักถามด�าเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด ณ บริเวณสถานที่ควบคุมผู้ต้องสงสัยทุกแห่ง
        เพื่อประโยชน์ในการป้องกันปัญหาข้อร้องเรียนที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ถูกควบคุมตัวและครอบครัว
        ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อซักถามตามกฎหมายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และหากมีข้อร้องเรียนหรือข้อสงสัยว่าอาจจะมี





         ๙๔  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, “รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ ๑๙๔-๒๐๕/๒๕๕๘”, ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘
         ๙๕  คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, “รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ ๔๓๔-๔๗๙/๒๕๕๘” ลงวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๘
         ๙๖  กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม, “หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ยธ ๐๔๐๔/๒๙๑๙ ลงวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๙ เรื่อง ข้อมูลความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบ
         ปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. ....”

         65
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100