Page 15 - สรุปผลการสัมมนา เรื่อง ธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมกับการเคารพสิทธิมนุษยชน ตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติ ตามกรอบงานขององค์การสหประชาชาติ ในการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา : วันที่ 17 มิถุนายน 2559 ณ โรงแรมกะตะบีช รีสอร์ทแอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต
P. 15
14
ดังนั้น หำกภำคธุรกิจไทยจะใช้โอกำสนี้ในกำรปรับตัวและท ำควำมเข้ำใจกับแนวโน้มของโลกใน
เรื่องนี้ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง ในกำรศึกษำแนวทำงในกำรน ำหลักกำรชี้แนะเรื่องธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs)
ไปใช้ในกำรด ำเนินธุรกิจอย่ำงเป็นระบบ ก็จะเป็นส่วนส ำคัญในกำรช่วยป้องกันหรือบรรเทำแรงกดดันจำก
ประชำคมโลกในประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในภำคธุรกิจของไทย ซึ่งอำจส่งผลกระทบถึงกำรค้ำและกำร
ลงทุนระหว่ำงประเทศ ตลอดจนผลประโยชน์และภำพลักษณ์ของธุรกิจไทย ซึ่งเป็นแนวทำงส ำคัญในกำรสร้ำง
ควำมยั่งยืน (Sustainability) ในกำรประกอบธุรกิจของภำคเอกชน รวมถึงกำรพัฒนำประเทศอีกด้วย
โครงกำรสัมมนำ เรื่อง “ธุรกิจกำรท่องเที่ยวและกำรโรงแรมกับกำรเคำรพสิทธิมนุษยชนตำม
หลักกำรชี้แนะของสหประชำชำติ” เป็นโครงกำรน ำร่องที่ กสม. ได้ริเริ่มจัดท ำขึ้นเพื่อเป็นกำรส่งสัญญำณให้ทั่ว
โลกได้รับรู้ว่ำประเทศไทย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง ภำคธุรกิจกำรท่องเที่ยวและกำรโรงแรมของไทยตระหนักถึง
ควำมส ำคัญของกำรด ำเนินธุรกิจโดยค ำนึงถึงสิทธิมนุษยชน รวมถึงควำมส ำคัญในกำรน ำหลักกำร UNGPs มำ
ใช้ในกำรด ำเนินธุรกิจ
เหตุผลที่ กสม.เลือกธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรม เป็นโครงการน าร่อง มีดังต่อไปนี้
๒.๑ กำรท่องเที่ยวและกำรโรงแรมเป็นหนึ่งในอุตสำหกรรมหลักของไทย โดยประมำณกำรว่ำ
รำยได้จำกกำรท่องเที่ยวทำงตรงต่อ GDP ของประเทศมีมูลค่ำสูงถึง ๑๒ ล้ำนล้ำนบำท โดยมีสัดส่วนต่อ GDP
ของประเทศเพิ่มขึ้นจำก ๙% (คิดเป็นมูลค่ำ ๑ ล้ำนล้ำนบำท) ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ มำเป็น ๑๖% และเมื่อรวมเข้ำ
กับรำยได้ทำงอ้อมของอุตสำหกรรมกำรท่องเที่ยว กล่ำวได้ว่ำมีรำยได้มำกถึง ๒๐.๒% (คิดเป็นมูลค่ำ ๒.๔ ล้ำน
ล้ำนบำท)
๒.๒ ในปี ๒๕๕๖ ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็น ๑ ใน ๑๐ อันดับแรกของ “จุดหมำย
ปลำยทำงระดับสูงของนักท่องเที่ยว” ในระดับโลก ที่มีนักท่องเที่ยวจำกต่ำงประเทศเดินทำงเข้ำมำมำกถึง
๒๖.๕ ล้ำนคน ซึ่งหมำยควำมว่ำในปีหนึ่ง ๆ ธุรกิจนี้เกี่ยวข้องกับคน ๒๕ ล้ำนคนจำกทั่วโลกและจ ำนวน
นักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นทุกปี
๒.๓ อุตสำหกรรมกำรโรงแรมและอุตสำหกรรมต่อเนื่องได้ขยำยตัวอย่ำงรวดเร็ว ก่อให้เกิด
กำรจ้ำงงำนทำงตรงถึง ๒,๒๑๐,๐๐๐ อัตรำ ในปี ๒๕๕๗ (หรือคิดเป็น ๕.๘% ของกำรจ้ำงงำนทั้งหมด) และมี
กำรคำดกำรณ์แนวโน้มกำรเติบโตไว้ที่ ๐.๒% ในปี ๒๕๕๘ เป็น ๒,๒๑๕,๕๐๐ อัตรำ (หรือคิดเป็น ๕.๗% ของ
กำรจ้ำงงำนทั้งหมด) ทั้งนี้ รวมถึงกำรจ้ำงงำนโดยโรงแรม บริษัทท่องเที่ยวสำยกำรบิน งำนบริกำรกำรขนส่ง
ผู้โดยสำร และธุรกรรมในอุตสำหกรรมร้ำนอำหำรและสถำนบันเทิงด้วย
กำรสัมมนำในวันนี้นอกจำกจะเป็นกำรเผยแพร่ควำมรู้เกี่ยวกับหลักกำร UNGPs ให้แก่
ผู้ประกอบกำรโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงแล้ว ยังเป็นโอกำสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจกำร
ท่องเที่ยวและกำรโรงแรมได้แลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นเกี่ยวกับกำรน ำหลักกำร UNGPs ไปใช้ ซึ่ง กสม. จะได้น ำ
ผลของกำรสัมมนำในวันนี้ไปสังเครำะห์เป็นข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทำงกำรด ำเนินงำนต่อภำครัฐและ ภำคธุรกิจ
ในกำรส่งเสริมกำรด ำเนินธุรกิจกำรท่องเที่ยวและกำรโรงแรมโดยเคำรพสิทธิมนุษยชนต่อไป
น ำเสนอเพื่อพิจำรณำในกำรประชุมคณะอนุกรรมกำรด้ำนสิทธิทำงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
ครั้งที่ 19/2559 วันจันทร์ที่ 4 กรกฎำคม 2559