Page 147 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 147
กรณีศึกษา: การจับกุมนาย พ. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ ต�าบลปางมะผ้า และก�านัน ต�าบลปางมะผ้า อ�าเภอปางมะผ้า
393
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยที่มีค�าสั่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ ๕๒๗/๒๕๔๖ เรื่อง ให้ก�านันออกจากต�าแหน่งมีสาระส�าคัญเป็นการ
สั่งให้นาย พ. ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑ ต�าบลปางมะผ้า และก�านันต�าบลปางมะผ้า อ�าเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกจากต�าแหน่ง
เนื่องจากได้ปล่อยปละละเลยไม่ด�าเนินการตามอ�านาจหน้าที่อย่างจริงจัง ปล่อยให้มีการเสพ การจ�าหน่ายยาเสพติดในเขตต�าบล
หมู่บ้าน มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนมีรายชื่ออยู่ในบัญชีของเจ้าหน้าที่ต�ารวจ ทหาร และส�านักงานป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติดแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้อ�านวยการ
ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงมีค�าสั่งอาศัยอ�านาจตามมาตรา ๓๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะ
ปกครองท้องที่ พุทธศักราช ๒๔๕๗ มาตรา ๑๔ (๗) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช ๒๔๕๗ และแก้ไข
เพิ่มเติมมาตรา ๓๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ให้นาย พ. ออกจากต�าแหน่งผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ ๑ ต�าบลปางมะผ้า และก�านันต�าบลปางมะผ้า อ�าเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖ เป็นต้นไป
จากนั้น นาย พ. ก็ได้ถูกฟ้องคดีต่อศาลในฐานความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ความผิด
ต่อพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเป็นจ�าเลยร่วมกับนาย บ. น้องชาย โดยถูก
กล่าวหาว่าทั้งสองเป็นผู้ด�าเนินการอยู่เบื้องหลังร่วมกับกลุ่มขุนส่า และมีโรงงานผลิตยาเสพติดอยู่ที่บ้านน�้ากัด เขตรัฐฉาน สาธารณรัฐ
แห่งสหภาพเมียนมาร์
นาย พ. ได้ให้การว่า ตนไม่เคยกระท�าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและไม่เคยกระท�าความผิดตามฟ้อง
และตนได้รับเลือกเป็นก�านันต�าบลปางมะผ้า ตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ – ๒๕๔๖ ได้ร่วมพัฒนาชุมชนในต�าบลปางมะผ้าหลายด้าน รวมทั้ง
เคยได้รับรางวัลก�านันยอดเยี่ยมแหนบทองค�าอาวุธปืนสั้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี ๒๕๔๒ แต่ตนเองเคยร่วม
ลงชื่อกับก�านันต�าบลปางมะผ้า ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในอ�าเภอปางมะผ้า รวม ๔ ต�าบล เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ
พันต�ารวจโท ธ. รองผู้ก�ากับสถานีต�ารวจภูธรปางมะผ้า และพันต�ารวจโท น. ผู้บัญชาการกองร้อยต�ารวจตระเวนชายแดนที่ ๓๓๖
และขอให้บุคคลทั้งสองออกจากพื้นที่ เนื่องจากบุคคลทั้งสองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบขณะเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๒ ต�าบล
ถ�้าลอด อ�าเภอปางมะผ้า ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้น�าท้องถิ่น ซึ่งต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามผู้กระท�าความผิด
เกี่ยวกับยาเสพติด เจ้าพนักงานต�ารวจจึงน�าชื่อผู้ที่ลงชื่อร้องเรียนเจ้าหน้าที่ต�ารวจทั้งสองคนดังกล่าวขึ้นเป็นบัญชีผู้เกี่ยวข้องกับ
ยาเสพติด
ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีค�าพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน�้าหนักมั่นคงเพียงพอ
ที่จะรับฟังลงโทษจ�าเลยทั้งสองตามฟ้องได้ แต่ให้ขังจ�าเลยทั้งสองไว้ในระหว่างอุทธรณ์ และในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ได้มี
ค�าพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจ�าเลยทั้งสอง แต่แม้ศาลจะยกฟ้องนาย พ. ก็ตาม แต่นาย พ. ก็ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ�านานถึง
๖ ปี นอกจากนั้น ยังถูกปลดจากต�าแหน่งก�านันต�าบลปางมะผ้า และทรัพย์สินทั้งหมดต้องถูกยึดอายัดไว้
(๑.๒) ผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การด�าเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด
ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ต่าง ๆ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียหาย
หรือผู้ได้รับผลกระทบจากการด�าเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ประกอบด้วยผู้เสียหายที่เป็นชายและหญิง คนชรา หรือแม้แต่ผู้เยาว์
393
เรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ ๒๗๗/๒๕๕๒ ซึ่งนาง ส. เป็นผู้ร้องแทนนาย พ.
126
ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖