Page 142 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน
P. 142
ส่วนข้อมูลที่ได้รับจากการสนทนากลุ่มเยาวชนชายที่เป็นนักกิจกรรมของโรงเรียนและเป็น
ผู้ช่วยครูในการท�างานกิจกรรม เช่น เป็นนักเรียนของลูกเสือกองร้อยพิเศษและศูนย์ข่าวเยาวชนไทย
พบว่าการถูกปลูกฝังด้วยความรับผิดชอบในหน้าที่จากครอบครัว บวกกับการเป็นที่รู้จักและยอมรับ
ของเพื่อนๆ ในโรงเรียนท�าให้เยาวชนชายกลุ่มนี้ระมัดระวังตนเองในการมีพฤติกรรมเป็นแบบอย่าง
ให้รุ่นน้องโดยการรักษาชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ โดยให้เหตุผลว่าการมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนว่า
ตนเองต้องการประสบความส�าเร็จในชีวิตในด้านการศึกษาให้สูงสุด เป็นจุดส�าคัญในการใช้เวลา
ให้หมดไปกับการท�ากิจกรรมและเรียนหนังสือมากกว่าการเที่ยวเล่น คบหาชอบพอกับเยาวชนหญิง
แต่อย่างไรก็ตามเยาวชนกลุ่มนี้ปราศจากชุดประสบการณ์ชีวิตด้านอื่นๆ เข้าใจความหลากหลาย
ของชีวิต และดูเหมือนว่ามีความรู้เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์น้อยกว่าเยาวชนที่มี
ชุดประสบการณ์การตั้งครรภ์ ที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่พัฒนาองค์กรเอกชน
โรงเรียนทางเลือกซึ่งมีความหลากหลายมากกว่า
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเยาวชนชายที่เป็นนักกิจกรรมของโรงเรียนและเป็น
ผู้ช่วยครูในกิจกรรมมีการยอมรับเรื่องเพศสัมพันธ์ของเยาวชนน้อยกว่าเยาวชนกลุ่มอื่นๆ และยังคง
มีมายาคติเรื่องการรักนวลสงวนตัว การมีเพศสัมพันธ์ในสถาบันครอบครัวการแต่งงานเท่านั้น ซึ่งถือว่า
มายาคติดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยส�าคัญในโครงสร้างสังคมที่ละเมิดสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์
l ทัศนคติของเย�วชนหญิง
จากการสัมภาษณ์เยาวชนหญิง สะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารและการเลี้ยงดูในครอบครัวที่
หากผู้ปกครองเลี้ยงดูเยาวชนโดยวางสถานะเสมือนเพื่อน พูดคุยรับฟังเหตุผล ไม่ชี้น�าหรือใช้อ�านาจ
เยาวชนก็จะสามารถที่จะบอกเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับผู้ปกครองได้ด้วยความรู้สึกปลอดภัย
เพราะเชื่อมั่นว่าจะเข้าใจ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ปกครองยังขาดการรับรู้สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ดังนั้น
เมื่อเยาวชนหญิงเกิดการตั้งครรภ์ไม่พร้อมจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
แม้ว่าจะเป็นคนส�าคัญที่ใกล้ชิดมากที่สุด แต่การมีเพศสัมพันธ์และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งครรภ์
เป็นสิ่งที่เยาวชนเลือกที่จะบอกหรือปรึกษาเป็นกลุ่มบุคคลสุดท้าย
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ // 141