Page 13 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาเยาวชนหญิงที่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรกับมิติสิทธิมนุษยชน
P. 13
จากการสัมภาษณ์เยาวชนหญิงตั้งครรภ์ ท�าให้เข้าใจได้ว่า นอกจากสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์เเละ
สิทธิมนุษยชน เยาวชนหญิงตั้งครรภ์ยังขาดความรู้ความเข้าในเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์และเพศศึกษา
ซึ่งน�าไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม และเช่นเดียวกับเยาวชนชาย ความรู้เรื่องอนามัยเจริญพันธุ์จึงเป็น
ความรู้ที่ผ่านประสบการณ์ตรงของเพื่อนที่มาแลกเปลี่ยนกันในกลุ่ม การสื่อสารเรื่องเพศและอนามัย
เจริญพันธุ์จึงไม่ได้เกิดขึ้นในครอบครัวและบ้านเท่ากับในกลุ่มเพื่อน เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น เยาวชน
หญิงตั้งครรภ์จึงเลือกที่จะจัดการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองก่อนที่จะปรึกษาผู้ปกครองหรือสมาชิกใน
ครอบครัว มากไปกว่านั้นไม่เฉพาะเยาวชนทั้งชายและหญิง ผู้ปกครองเองก็ขาดความรู้ ความตระหนัก
ถึงสิทธิมนุษยชน จากการสัมภาษณ์ สะท้อนให้เห็นถึงการสื่อสารและการเลี้ยงดูในครอบครัวที่
พ่อแม่ยังต้องการองค์ความรู้ในเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน น�าไปสู่การไม่ได้รับการคุ้มครองหรือ
เข้าถึงการบริการเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ หรือสถานที่ที่ท�าให้เยาวชน
บรรลุถึงสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ เช่น องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม โรงพยาบาล สถานศึกษา
จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของ
การตั้งครรภ์ไม่พร้อมของเยาวชนที่ยังขาดการเข้าถึงบริการและสวัสดิการของรัฐ และความรู้ ความเข้าใจ
ในเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ยังมีความแตกต่างกันในหลายระดับ ขึ้นอยู่กับบริบทของการท�างานที่คลุกคลี
อยู่กับพื้นที่หรือผู้รับบริการ ซึ่งยังต้องการเติมเต็มองค์ความรู้
ขณะเดียวกันโรงเรียนส่วนน้อยที่จัดการศึกษาแบบนอกระบบเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนหญิง
ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมได้มีโอกาสทางการศึกษา แตกต่างจากการจัดการศึกษาของสถานศึกษาทั่วไป
ที่ยังไม่มีแนวทางในการจัดการเรื่องนี้อย่างชัดเจน พบว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความคิดคือ ทัศนคติต่อ
ปรากฏการณ์การตั้งครรภ์ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของวัยเจริญพันธุ์นั้นเปลี่ยนไปเพราะ
บริบทและนโยบายรัฐในด้านการศึกษาที่เปลี่ยนแปลง น�าไปสู่การยึดมั่นในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
ของครูและผู้บริหารจนเบียดขับพื้นที่ของความเป็นมนุษย์น�าไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชน
อย่างชอบธรรม โดยเหตุผลเพื่อรักษาชื่อเสียงของโรงเรียนและสืบทอดต่อไปยังภาคส่วนต่างๆ ของสังคม
ซึ่งมีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ
แม้แต่สถานบริการด้านสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาล จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ใน
โรงพยาบาล เช่น แพทย์และพยาบาล พบว่า ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสิทธิอนามัยเจริญพันธุ์
อย่างมาก น�าไปสู่การบริการที่มองข้ามสิทธิมนุษยชน ทั้งการบริการที่เป็นมิตร เคารพศักดิ์ศรีของ

