Page 5 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 5

b

               เข้ามารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และยังพบว่า กระบวนการยุติธรรมที่ใช้กับผู้ที่ถูกระบุว่ากระท าผิด

               กฎหมายจากผลของการก าหนดแนวเขตที่ดินของรัฐยังขาดความเป็นธรรม มีการเลือกปฏิบัติ และ
               กระบวนการยุติธรรมใช้ระยะเวลานาน กระทบต่อผู้ยากจนที่ถูกด าเนินคดี

                       จึงเห็นได้ว่า หากได้ด าเนินการก าหนดแนวเขตพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ หรือกรณีแก้ไขปัญหา

               ที่เกิดขึ้นจากการก าหนดแนวเขตไว้แล้ว ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนในการก าหนดแนวเขต
               หรือในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น จะท าให้รัฐและประชาชนได้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริง น ามาประกอบการ

               ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ท าให้มีการยอมรับไม่มีข้อโต้แย้ง ส่งผลให้ไม่ต้องมีการ
               ให้แก้ไขปัญหากันอีกในอนาคต  ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงได้มีข้อเสนอแนะในการปฏิบัติถึงแนวทางการมี

               ส่วนร่วมของประชาชนในการก าหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ  ซึ่งควรพิจารณาและด าเนินการในทุกบริบท
               ให้เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ดังต่อไปนี้


                       ๑. ต้องให้ประชาชนที่มีส่วนได้เสียกับการก าหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ เข้ามามีส่วนร่วมในการ
               ก าหนดแนวเขตในทุกขั้นตอน คือ ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมในการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล

               ร่วมรับผลประโยชน์ พร้อมทั้งร่วมรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

                       ๒. ควรมีการปรับปรุงจ าแนกการใช้ที่ดินกันใหม่ตามการเพิ่มขึ้นของประชากร วิถีชีวิต อาชีพ และ
               ความเป็นอยู่ของประชาชน และควรแก้ไขก าหนดแนวเขตใหม่ให้ถูกต้องตามความเป็นจริงให้รวดเร็ว


                       ๓. ปรับปรุงกฎหมายทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วม และการกระจายอ านาจ
               ให้เป็นกฎหมายฉบับเดียวกัน เพื่อให้เห็นความสอดคล้องกันของขั้นตอนทั้ง ๓ ด้าน


                       ๔. ให้ออกกฎหมายให้ชัดเจนว่า การด าเนินการของรัฐในการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

               การมีส่วนร่วม และการกระจายอ านาจ หากไม่ด าเนินการถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่ส าคัญก็คือ

               ให้บัญญัติไว้ด้วยว่า ผลการด าเนินการที่ไม่ได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ให้ถือว่ากิจกรรมนั้นไม่สมบูรณ์ไม่มีผล
               ในทางปฏิบัติ


                       ๕. ให้รัฐจัดตั้งส่วนราชการให้มีหน้าที่ในการจัดท ามาตรฐานระวางแผนที่และแผนที่รูปแปลงที่ดิน
               ของรัฐ โดยเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดท าแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงเพื่อออกเป็น

               กฎหมาย และท างานแทนส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในส่วนของแผนที่แนบท้าย ส าหรับในเรื่องการ

               ยกร่างข้อความและการตรวจสอบข้อความและรูปแบบของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎกระทรวง ส านักงาน
               คณะกรรมการกฤษฎีกาก็ยังคงมีอ านาจเช่นเดิม


                       ๖. รัฐควรตั้งส านักงานการมีส่วนร่วมขึ้น โดยให้เป็นส่วนราชการมีฐานะเป็นกรม เพื่อดูแล

               กฎหมายฉบับนี้ และเป็นการส่งเสริม ก ากับและติดตาม ทั้งท างานวิชาการและปฏิบัติงาน

                       ๗. ควรแก้ไขกฎหมาย ในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ประชาชนหรือชุมชนผู้ได้รับ

               ผลกระทบ มีอ านาจที่จะฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย ค่าชดเชยจากกรณีที่โดนละเมิดสิทธิได้
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10