Page 230 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 230

๒๐๓




                                 จำกทั้ง ๗ กรณีพื้นที่ศึกษำน ำมำสู่บทวิเครำะห์และข้อเสนอแนะในบทที่ ๕ โดยในบทนี้
                   มีอยู่ ๙ หัวข้อ สรุปได้ คือ (๑) กำรมีส่วนร่วมของประชำชนไม่มีควำมก้ำวหน้ำ นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๐

                   ถึงปัจจุบัน (๒) ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรมีส่วนร่วม ข้อมูลข่ำวสำรและกำรกระจำยอ ำนำจ ทั้งสำมส่วน
                   เป็นองค์ประกอบที่สัมพันธ์กัน และต้องด ำเนินกำรควบคู่ไปด้วยกัน แต่ทั้งสำมส่วนกลับแยกส่วนออกจำกกัน

                   (๓) หน่วยงำนที่รับผิดชอบด้ำนกำรก ำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐมีส่วนท ำให้เกิดปัญหำ จำกควำมล่ำช้ำและ
                   ไม่สำมำรถหำข้อยุติปัญหำระหว่ำงหน่วยงำนได้  (๔) หน่วยงำนที่รับผิดชอบด้ำนกำรพิจำรณำตรวจสอบ

                   กฎกระทรวง หรือพระรำชกฤษฎีกำ ไม่มีควำมรู้ในด้ำนแผนที่  (๕) ประชำชนที่ถูกก ำหนดให้พื้นที่ถือครอง
                   ท ำประโยชน์อยู่ในขอบเขตพื้นที่สงวนหวงห้ำมของรัฐ กระทบต่อสิทธิของประชำชนและกลำยเป็นผู้ที่

                   ไม่ชอบด้วยกฎหมำย  (๖) กำรจ ำแนกที่ดิน และกำรก ำหนดแนวเขตที่ดินไม่เป็นไปตำมข้อเท็จจริง ล้ำสมัย
                   และควรมีกำรปรับปรุงจ ำแนกที่ดินกันใหม่ตำมกำรเพิ่มขึ้นของประชำกร  (๗) กำรก ำหนดพื้นที่คุ้มครอง

                   และสงวนหวงห้ำมของรัฐที่มีผลกระทบกับระบบนิเวศ และมีประชำชนอยู่ในพื้นที่นั้น สำมำรถก ำหนด
                   กติกำร่วมกับชุมชนท้องถิ่นได้ โดยไม่จ ำเป็นต้องอพยพ  (๘) กระบวนกำรยุติธรรมที่ใช้กับประชำชนผู้ถูก

                   ละเมิดสิทธิในที่ดิน ในกรณีปัญหำพื้นที่ถือครองท ำประโยชน์ทับซ้อนกับพื้นที่สงวนหวงห้ำมของรัฐ ยังขำด
                   ควำมเสมอภำคและเลือกปฏิบัติ และ (๙) กำรสร้ำงกำรมีส่วนร่วมสำมำรถแก้ไขปัญหำได้ที่ต้นเหตุ ป้องกัน

                   กำรทุจริตคอรัปชันได้ เพรำะจะท ำให้สำมำรถตรวจสอบได้

                          ๓. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจำกผู้เข้ำร่วมประชุม

                                 (๑) กรณีพื้นที่บ้ำนตำกแดด ต ำบลยำงหัก อ ำเภอปำกท่อ จังหวัดรำชบุรี สำมำรถชี้ให้เห็น

                   ได้ว่ำ เรื่องกำรมีส่วนร่วมมีส่วนส ำคัญส ำคัญ ในเมื่ออุทยำนแห่งชำติไทประจันเตรียมกำรประกำศเขต
                   ชำวบ้ำนจึงร้องเรียน และท ำให้เกิดกำรมีส่วนร่วมของชำวบ้ำนในกำรก ำหนดแนวเขตและให้ท ำเขตกันชน

                   ให้ชำวบ้ำนเข้ำไปเก็บหำของป่ำได้ แสดงให้เห็นถึงผลของกำรมีส่วนร่วมของประชำชนและกำรเข้ำถึงข้อมูล
                   จึงลดข้อขัดแย้งลงได้ อย่ำงไรก็ดี อยำกให้งำนวิจัยนี้มีข้อเสนอแนะถึงกำรแก้ไขปัญหำแนวเขต ในกรณี

                   พื้นที่ที่มีกำรประกำศเขตอุทยำนแห่งชำติไปแล้วด้วย
                                 (๒) ให้เพิ่มองค์ประกอบกำรมีส่วนร่วมของประชำชน ในส่วนของกำรตั้งคณะท ำงำนร่วม

                   ให้มีสัดส่วนของภำคประชำชน ในกำรแก้ไขปัญหำเรื่องกำรแก้ไขหรือปรับปรุงแนวเขตที่ไม่ใช่ผู้แทน
                   ทำงรำชกำร หรือก ำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน เช่น กลุ่มหรือเครือข่ำยที่มีกำรรวมตัวกันอยู่แล้ว

                                 (๓) ให้เพิ่มเรื่องกำรรับฟังควำมคิดเห็นของประชำชนไว้ในกฎหมำย เรื่องกำรมีส่วนร่วม
                   ในกำรก ำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ เช่น กำรออกพระรำชกฤษฎีกำก ำหนดพื้นที่อุทยำนแห่งชำติ หรือ

                   กฎกระทรวงในกรณีป่ำสงวนแห่งชำติ
                                 (๔) ให้มีข้อเสนอเร่งด่วนในกำรแก้ไขปัญหำพื้นที่ทับซ้อน โดยเฉพำะในกรณีที่เคยมีมติ

                   ของคณะรัฐมนตรี หรือมติข้อตกลงร่วมกันแล้ว หรือเกิดกำรผิดพลำดในกำรจัดท ำแผนที่แนบท้ำย เช่น
                   กรณีอุทยำนแห่งชำติทับลำน อ ำเภอวังน้ ำเขียว จังหวัดนครรำชสีมำ กรณีอุทยำนแห่งชำติใต้ร่มเย็น จังหวัด

                   สุรำษฎร์ธำนี และกรณีอุทยำนแห่งชำติศรีนครินทร์ อ ำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกำญจนบุรี
   225   226   227   228   229   230   231   232   233