Page 226 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 226

๑๙๙




                   ผลกระทบกับประชำชนเหล่ำนั้น เมื่อเกิดปัญหำชำวบ้ำนถูกมองว่ำเป็นผู้บุกรุก  และเจ้ำหน้ำที่ของรัฐ
                   ต้องปฏิบัติตำมกฎหมำย คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติได้เข้ำไปเป็นคนกลำง เพื่อช่วยคลี่คลำย

                   ควำมขัดแย้งระหว่ำงเจ้ำหน้ำที่ของรัฐกับประชำชน ดังนั้น จึงอยำกน ำเรียนกับเจ้ำหน้ำที่หน่วยงำนต่ำงๆ
                   ในสองเรื่องด้วยกัน


                                 เรื่องแรก หน่วยงำนที่ปฏิบัติงำนที่เกี่ยวข้องกับที่ดินและป่ำไม้ ต้องเข้ำใจค ำว่ำ
                   “สิทธิชุมชน” ทั้งนี้ สิทธิชุมชนถือเป็นเป้ำหมำยหรือเจตนำรมณ์ของรัฐบำล ซึ่งได้ก ำหนดไว้ในกฎหมำย
                   รัฐธรรมนูญมำตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ เพรำะรัฐเห็นว่ำ ขณะนี้มิได้มีเพียงอ ำนำจรัฐแต่เพียงฝ่ำยเดียว ในกำรที่จะ

                   เข้ำไปจัดกำรทรัพยำกรป่ำไม้ รวมทั้ง มิใช่มีเฉพำะสิทธิปัจเจกที่มีเอกสำรสิทธิในที่ดินเท่ำนั้น แต่ยังมีสิทธิ

                   ชุมชน ที่แม้ว่ำชุมชนจะไม่มีเอกสำรสิทธิใดๆ แต่ปรำกฏควำมจริงว่ำ ชุมชนเหล่ำนั้นท ำมำหำกินอยู่ในพื้นที่
                   ก่อนประกำศเป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์ หรือป่ำสงวน ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงที่ว่ำ อ ำนำจเป็นของประชำชน
                   หมำยควำมว่ำ ทรัพยำกรธรรมชำติ ดิน น้ ำ ป่ำ สินแร่ ทะเล และชำยฝั่ง ควำมจริงเป็นของประชำชน

                   ก่อนปี ๒๔๗๕ นั้น ทรัพยำกรเหล่ำนั้นเป็นของพระมหำกษัตริย์  ข้ำรำชกำรคือผู้รับใช้พระรำชำ โดยเป็น

                   ผู้ดูแลแทนพระรำชำ แต่หลังปี ๒๔๗๕ ได้มอบอ ำนำจให้กับประชำชนมำตั้งแต่ในสมัยรัชกำลที่ ๗
                   หมำยควำมว่ำ ที่ดินเป็นของประชำชน ส่วนข้ำรำชกำรเป็นผู้ดูแลแทนประชำชน ดังนั้น สิทธิชุมชน
                   จึงสอดคล้องกับควำมเป็นจริงในสังคมไทยว่ำ กำรประกำศใช้กฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับป่ำไม้ฉบับต่ำงๆ

                   มีประชำชนจ ำนวนไม่น้อยท ำมำอำชีพเลี้ยงชีพอยู่ในพื้นที่นั้นมำก่อน

                                 สอดคล้องกับพระรำชด ำรัสของในหลวงที่ตรัสไว้ว่ำ กฎหมำยไปบุกรุกคน ซึ่งสอดคล้อง

                   กับควำมเป็นจริง ดังนั้น เจ้ำหน้ำที่จำกหน่วยงำนของรัฐต่ำงๆ จึงควรต้องพิจำรณำถึงประวัติศำสตร์ และ
                   ข้อเท็จจริงต่ำงๆ ในกระบวนกำรกำรตรวจสอบในเรื่องของแนวเขต กำรใช้แต่เพียงภำพถ่ำยทำงอำกำศ

                   อย่ำงเดียวนั้น ไม่สำมำรถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ครบถ้วนเพียงพอ ในมิติของสิทธิชุมชนตำมที่มีกฎหมำย
                   รัฐธรรมนูญรองรับทั้งสิทธิในกำรใช้ประโยชน์และกำรจัดกำรทรัพยำกรป่ำไม้  รัฐจึงไม่ควรใช้อ ำนำจ

                   ทำงกฎหมำยไปบังคับประชำชน แม้ว่ำที่ดินนั้นจะไม่มีเอกสำรสิทธิ  ดังที่เกิดขึ้นกับชุมชนจ ำนวนมำก
                   ที่ร้องเรียนมำยังคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ หลังมีประกำศค ำสั่งที่ ๖๔/๒๕๕๗ ของคณะรักษำ

                   ควำมสงบแห่งชำติ เนื่องจำกถูกไล่รื้อ ตัดฟันท ำลำยพืชผลอำสิน และจับกุมด ำเนินคดี

                                 นอกจำกนั้น นักวิชำกำรด้ำนเศรษฐศำสตร์และกำรเมืองที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย

                   ได้กล่ำวถึงเมื่อเร็วๆ นี้ว่ำ ปัญหำควำมเหลื่อมล้ ำในที่ดินถือเป็นปัญหำอันดับหนึ่งของประเทศไทย และ
                   ควำมเหลื่อมล้ ำนี้เป็นดัชนีชี้วัดว่ำ สังคมไทยจะสงบสุขหรือรุนแรงก็มำจำกจำกปัญหำควำมเหลื่อมล้ ำ
                   ในที่ดิน โดยพบว่ำ ปัจจุบันเกษตรกรทั่วประเทศไม่มีที่ดินท ำกินอยู่เป็นจ ำนวนมำก ในขณะที่ตระกูล

                   ที่มีที่ดินถือครอบมำกที่สุดล ำดับแรก มีที่ดินมำกถึง ๖๐๐,๐๐๐ ไร่ และงำนศึกษำทำงวิชำกำรเมื่อไม่นำน

                   มำนี้ ยังพบว่ำ ขณะนี้ คนจ ำนวน ๑๐% ของผู้ที่มีที่ดินเอกสำรสิทธิถือครองที่ดินประมำณ ๙๐% ที่เหลือ
                   อีก ๑๐%  ถือที่ดินโดยคน ๙๐% และผู้ที่ถือครองที่ดินขนำดใหญ่มิได้ถือครองไว้เพื่อท ำกำรเกษตร
                   แต่ครอบครองไว้เพื่อเก็งก ำไร  ถ้ำหน่วยงำนภำครัฐไม่แก้ไขปัญหำควำมเหลื่อมล้ ำนี้ ควำมขัดแย้งรุนแรง

                   จะเกิดขึ้นในสังคมไทยแน่นอน
   221   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231