Page 228 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 228
๒๐๑
รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ มำจนถึงรัฐธรรมนูญปี ๒๕๕๐ เรื่องสิทธิชุมชนจึงได้รับกำรบรรจุไว้ แสดงว่ำเป็นเรื่อง
ที่มีควำมส ำคัญ
ในส่วนของวัตถุประสงค์ของกำรศึกษำ ประกำรแรก เป็นกำรศึกษำกฎหมำยที่เกี่ยวข้อง
กับกำรก ำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ เช่น กำรจัดท ำแผนที่แนบท้ำยกฤษฎีกำของหน่วยรำชกำรต่ำงๆ
ประกำรที่สอง กำรเสนอแนวทำงแก้ไขปัญหำกำรทับซ้อนแนวเขตที่ดินของรัฐ ประกำรที่สำม เป็นกำร
เสนอทำงออกในกำรให้ประชำชนเข้ำไปมีส่วนร่วมในกำรแก้ไขปัญหำ
กำรจัดท ำแนวเขตที่ดินของรัฐเป็นเรื่องของปัญหำเรื้อรังมำนำน และทุกหน่วยงำน
พยำยำมหำหนทำงแก้ไข แต่ไม่มีผลเป็นจริงในทำงปฏิบัติ อย่ำงเช่นโครงกำร Reshape ที่ใช้งบประมำณ
ไปถึง ๒,๐๐๐ กว่ำล้ำนบำทแต่ไม่ประสบผลส ำเร็จในกำรน ำมำประกำศใช้ ดังนั้น คณะกรรมกำรสิทธิ
มนุษยชนแห่งชำติ จึงจัดท ำข้อเสนออย่ำงเป็นรูปธรรมในกำรแก้ไขปัญหำต่อรัฐบำล และหน่วยงำน
ที่เกี่ยวข้องต่ำงๆ
งำนศึกษำวิจัยในครั้งนี้ได้ศึกษำเรื่องกำรจัดท ำแนวเขต เอกสำรที่เกี่ยวข้องกับสิทธิ
มนุษยชน กำรเข้ำถึงข้อมูลข่ำวสำร กำรมีส่วนรวม และกำรกระจำยอ ำนำจ ซึ่งเป็นหลักสิทธิพื้นฐำน
ของประชำชน และงำนศึกษำได้เลือกศึกษำกรณีศึกษำจำกค ำร้องที่ร้องเรียนมำยังคณะกรรมกำรสิทธิ
มนุษยชนแห่งชำติ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลำนำนแล้ว จึงไม่อำจฟ้องร้องกับศำลปกครองได้
รวมทั้ง ไม่สำมำรถใช้กฎหมำยมำบังคับใช้แต่เพียงอย่ำงเดียวได้ เพรำะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิชุมชน
ที่รัฐบำลและหน่วยงำนภำครัฐต้องพยำยำมท ำควำมเข้ำใจ ในบทสุดท้ำยของงำนศึกษำจะเป็นกำร
วิเครำะห์ และน ำเสนอแนวทำงแก้ไขซึ่งเป็นเรื่องที่ส ำคัญที่สุด
โดยสรุปบทที่ ๒ เป็นเรื่องกำรก ำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ กำรจัดท ำแผนที่แนวเขต
ในบทนี้ได้น ำส่วนที่ส ำคัญมำไว้ คือ เรื่องกำรหวงห้ำมที่ดินเพื่อกำรสำธำรณะ ปี ๒๔๗๘ และกำรหวงห้ำม
ที่ดินเพื่อกำรอนุรักษ์ตำมกฎหมำยสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ำ ปี ๒๕๐๓ (แก้ไขเพิ่มเติมปี ๒๕๓๕) หรือ
กฎหมำยอุทยำนแห่งชำติ ปี ๒๕๐๔ สิ่งเหล่ำนี้เกิดขึ้นมำจำกตัวบทและแผนที่เรื่อยมำถึงกำรจัดท ำแผนที่
ที่มีกำรโยงยึดโดยใช้แผนที่รูปลอย ซึ่งปัญหำต่ำงๆ เกิดจำกกำรใช้แผนที่รูปลอยเหล่ำนี้ ต่อมำเมื่อมีกำร
ก ำหนดแนวเขตในที่ดินของรัฐไม่ว่ำจะเป็นหนังสือส ำคัญส ำหรับที่หลวง หรือแนวเขตพื้นที่ป่ำไม้
กำรก ำหนดแนวเขตที่มำจำกพื้นที่ต้นร่ำงเหล่ำนั้นซึ่งเป็นแผนที่ที่ขีดเส้นด้วยมือ ใช้แนวเขตจดสิ่งที่เห็น
ได้ชัด เช่น ถนน แม่น้ ำ ฯลฯ ซึ่งสำมำรถเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ในปัจจุบันได้น ำแผนที่เหล่ำนั้นมำก ำหนด
ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งไม่เป็นไปตำมข้อเท็จจริงและเป็นสิ่งที่ประชำชนไม่รู้เรื่อง แม้แต่ข้ำรำชกำร
ด้วยกันก็รู้เรื่องกันเฉพำะผู้ที่ท ำเรื่องนี้เท่ำนั้น
ในบทนี้ยังน ำเสนอถึงเทคโนโลยีในกำรก ำหนดแนวเขตจนมำเป็นกฎหมำยในปัจจุบัน
และชี้ให้เห็นว่ำ ผลตำมกฎหมำยจำกกำรประกำศเขตพื้นที่หวงห้ำมต่ำงๆ ท ำให้เกิดปัญหำในทำงปฏิบัติ
เนื่องจำกแนวเขตดังกล่ำว ที่หน่วยงำนรำชกำรต่ำงๆ น ำมำใช้เป็นเพียงขอบเขตคร่ำวๆ แต่กลับยึดถือ
แนวเขตนั้นอย่ำงเข้มงวดเด็ดขำด ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนส ำคัญที่ควรจะมีกำรแก้ไขปรับปรุงให้เป็นมำตรฐำน