Page 59 - ตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคี : จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ
P. 59
(๒) ถ้าไม่มีการบรรลุข้อยุติตามที่ระบุไว้ในอนุวรรค (จ) คณะกรรมการจะจ ากัดขอบเขตของ
รายงานของตนให้เป็นเพียงค าแถลงโดยย่อในข้อเท็จจริง ทั้งนี้ให้แนบค าแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรและ
บันทึกค าแถลงด้วยวาจาซึ่งกระท าโดยรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องไปกับรายงานนั้นด้วย
ในทุกกรณี ให้ส่งรายงานดังกล่าวไปยังรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง
๒. บทบัญญัติของข้อนี้จะมีผลใช้บังคับเมื่อรัฐภาคีแห่งกติกานี้สิบรัฐได้ท าค าประกาศตามวรรค ๑ ของข้อนี้ รัฐ
ภาคีจะมอบค าประกาศไว้กับเลขาธิการสหประชาชาติซึ่งจะส่งส าเนาค าประกาศนั้น ๆ ไปยังรัฐภาคีอื่น ๆ ค าประกาศอาจถูก
ถอนเมื่อใดก็ได้ โดยการแจ้งไปยังเลขาธิการฯ การถอนค าประกาศย่อมไม่กระทบกระเทือนการพิจารณากรณีใด ๆ ซึ่งเป็น
เรื่องที่ได้รับการแจ้งซึ่งได้จัดส่งไว้แล้วตามข้อนี้ คณะกรรมการจะไม่รับค าแจ้งจากรัฐภาคีอีกต่อไปหลังจากที่มีการแจ้งการ
ถอนค าประกาศซึ่งรับไว้โดยเลขาธิการฯ เว้นแต่รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องได้ท าค าประกาศใหม่แล้ว
ข้อ ๔๒
๑. (ก) ถ้ากรณีที่ได้เสนอต่อคณะกรรมการตามข้อ ๔๑ ไม่ได้รับการแก้ไขให้เป็นที่พอใจแก่รัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการโดยความยินยอมจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องอาจแต่งตั้งคณะกรรมาธิการประนีประนอมเฉพาะกิจขึ้น ( ซึ่งต่อไปนี้
จะเรียกว่า คณะกรรมาธิการ ) คณะกรรมาธิการจะช่วยเป็นสื่อกลางแก่รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อยุติฉันมิตรบนพื้นฐาน
แห่งความเคารพต่อกติกานี้
(ข) คณะกรรมาธิการจะประกอบด้วยบุคคลห้าคนซึ่งเป็นที่ยอมรับของรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง ถ้ารัฐภาคีที่เกี่ยวข้องไม่
สามารถตกลงกันในเรื่ององค์ประกอบทั้งหมดหรือบางส่วนของคณะกรรมาธิการภายในสามเดือน ให้เลือกตั้งกรรมาธิการที่
ไม่สามารถตกลงกันได้นั้นโดยการลงคะแนนลับ โดยอาศัยคะแนนเสียงข้างมากสองในสามของคณะกรรมการ
๒. กรรมาธิการของคณะกรรมาธิการด ารงต าแหน่งในฐานะเฉพาะตัว กรรมาธิการต้องไม่เป็นคนชาติของรัฐภาคีที่
เกี่ยวข้อง หรือของรัฐที่มิได้เป็นภาคีแห่งกติกานี้ หรือของรัฐภาคีที่มิได้ท าค าประกาศตามข้อ ๔๑
๓. คณะกรรมาธิการจะเลือกประธาน และก าหนดระเบียบข้อบังคับการประชุมของตนเอง
๔. การประชุมของคณะกรรมาธิการ ตามปกติจะกระท าที่ส านักงานใหญ่สหประชาชาติ หรือส านักงาน
สหประชาชาติ ณ นครเจนีวา อย่างไรก็ตามอาจจัดประชุมขึ้น ณ สถานที่อื่นที่เหมาะสมตามที่คณะกรรมาธิการอาจก าหนด
โดยการปรึกษากับเลขาธิการสหประชาชาติและรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง
๕. ฝ่ายเลขานุการตามข้อ ๓๖ จะปฏิบัติงานให้คณะกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นตามข้อนี้ด้วย
๖. ข้อมูลที่คณะกรรมการได้รับและรวบรวมไว้จะต้องให้แก่คณะกรรมาธิการด้วย และคณะกรรมาธิการอาจขอให้
รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องได้
๗. เมื่อคณะกรรมาธิการได้พิจารณากรณีนั้นอย่างเต็มที่แล้ว ให้เสนอรายงานต่อประธานคณะกรรมการเพื่อส่ง
ต่อไปยังรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ต้องไม่ช้ากว่าสิบสองเดือนนับแต่วันที่ได้รับเรื่องไว้
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีเมื่อ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๙ มีผลใช้บังคับ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๐ ๑๕