Page 51 - ตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยเป็นภาคี : จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ
P. 51

(ช) สิทธิที่จะไม่ถูกบังคับให้เบิกความเป็นปรปักษ์ต่อตนเอง หรือให้รับสารภาพผิด


                       ๔. ในกรณีของบุคคลที่เป็นเด็กหรือเยาวชน วิธีพิจารณาความให้เป็นไปโดยค านึงถึงอายุ และความปรารถนาที่จะ
               ส่งเสริมการแก้ไขฟื้นฟูความประพฤติของบุคคลนั้น


                       ๕.  บุคคลทุกคนที่ต้องค าพิพากษาลงโทษในความผิดอาญา   ย่อมมีสิทธิที่จะให้คณะตุลาการระดับเหนือขึ้นไป

               พิจารณาทบทวนการลงโทษและค าพิพากษาโดยเป็นไปตามกฎหมาย

                       ๖. เมื่อบุคคลใดต้องค าพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษในความผิดอาญา  และภายหลังจากนั้นมีการกลับค าพิพากษาที่

               ให้ลงโทษบุคคลนั้น หรือบุคคลนั้นได้รับอภัยโทษ โดยเหตุที่มีข้อเท็จจริงใหม่หรือมีข้อเท็จจริงที่ได้ค้นพบใหม่อันแสดงให้
               เห็นว่าได้มีการด าเนินกระบวนการยุติธรรมที่มิชอบ   บุคคลที่ได้รับความทุกข์อันเนื่องมาจากการลงโทษตามผลของค า
               พิพากษาลงโทษเช่นว่า   ต้องได้รับการชดเชยตามกฎหมายเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า   การไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ยังไม่รู้ให้

               ทันเวลาเป็นผลจากบุคคลนั้นทั้งหมด หรือบางส่วน


                       ๗. บุคคลย่อมไม่ถูกพิจารณา  หรือลงโทษซ ้าในความผิดซึ่งบุคคลนั้นต้องค าพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ  หรือให้
               ปล่อยตัวแล้วตามกฎหมายและวิธีพิจารณาความอาญาของแต่ละประเทศ


                                                          ข้อ ๑๕


                       ๑. บุคคลย่อมไม่ต้องรับผิดทางอาญา  เพราะกระท าหรืองดเว้นกระท าการใดซึ่งในขณะที่กระท าไม่เป็นความผิด
               อาญาตามกฎหมายภายในหรือกฎหมายระหว่างประเทศ และจะลงโทษให้หนักกว่าโทษที่มีอยู่ในขณะที่ได้กระท าความผิด

               อาญาไม่ได้  หากภายหลังการกระท าความผิดนั้นได้มีบทบัญญัติของกฎหมายก าหนดโทษเบาลง   ผู้กระท าผิดย่อมได้รับ
               ประโยชน์จากบทบัญญัตินั้น


                       ๒. ความในข้อนี้ย่อมไม่กระทบต่อการพิจารณาคดี และการลงโทษบุคคลซึ่งได้กระท าการหรืองดเว้นกระท าการ
               ใดอันเป็นความผิดอาญาตามหลักกฎหมายทั่วไปอันเป็นที่รับรองโดยประชาคมนานาชาติในขณะที่มีการกระท านั้น


                                                          ข้อ ๑๖


                       บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลตามกฎหมายในทุกแห่งหน


                                                          ข้อ ๑๗


                       ๑. บุคคลจะถูกแทรกแซงความเป็นส่วนตัว ครอบครัว   เคหสถาน หรือการติดต่อสื่อสารโดยพลการหรือไม่ชอบ
               ด้วยกฎหมายมิได้ และจะถูกลบหลู่เกียรติและชื่อเสียงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมิได้


                       ๒. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายมิให้ถูกแทรกแซงหรือลบหลู่เช่นว่านั้น











               กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง  ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีเมื่อ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๙ มีผลใช้บังคับ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๐   ๗
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56